นายกรัฐมนตรีแถลงเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง

ข่าวต่างประเทศ Friday April 10, 2009 10:28 —กระทรวงการต่างประเทศ

เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2552 เวลา 21.20 น. นายกรัฐมนตรีได้แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน สรุปประเด็นสำคัญของการแถลงได้ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวสรุปเกี่ยวกับเหตุการณ์การชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 เมษายน ว่ามีผู้เข้าร่วมการชุมนุมเป็นจำนวนมากโดยประเมินว่าอาจสูงถึง 1 แสนคน โดยกลุ่มผู้ชุมนุมมีข้อเรียกร้องหลัก 3 ข้อ คือ การให้ประธานองคมนตรีและองคมนตรีลาออกจากตำแหน่ง การให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง และการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญและปฏิรูปการเมือง ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมได้ประกาศเส้นตายสำหรับการปฏิบัติตามข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อไว้ที่เวลา 16.00 น. ของวันที่ 9 เมษายน

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลมีหลักการชัดเจนว่าการใช้สิทธิเสรีภาพภายใต้ขอบเขตของรัฐธรรมนูญนั้นสามารถกระทำได้ อย่างไรก็ดี ข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมมีความสับสนและมิได้นำไปสู่การปฏิรูปทางการเมืองและความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง อาทิ ข้อเรียกร้องเกี่ยวกับประธานองคมนตรีเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมเนื่องจากเป็นความพยายามที่จะขยายความขัดแย้งทางการเมืองไปสู่สถาบันหลักของประเทศ ซึ่งกระทบต่อความมั่นคงของชาติ ส่วนข้อเรียกร้องเกี่ยวกับตนเองนั้น เห็นว่า แม้การยุบสภาจะเป็นดุลพินิจของนายกรัฐมนตรีและสามารถกระทำได้ แต่ขณะนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมและจะไม่นำไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เนื่องจากปัจจุบันมีการกระทำที่ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการเลือกตั้ง เช่น การข่มขู่ คุกคาม และการจำกัดสิทธิเสรีภาพ ซึ่งขัดกับหลักประชาธิปไตย ทั้งนี้ หากมีความรุนแรงเกิดขึ้นช่วงการเลือกตั้งก็จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

นายกรัฐมนตรีได้ย้ำด้วยว่า ปัจจุบันรัฐบาลกำลังมุ่งแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของประเทศและกำลังดำเนินไปด้วยดี ตลอดจนการปฏิบัติหน้าที่ในการเป็นประธานอาเซียน ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างประเทศ นอกจากนี้ ข้อเรียกร้องเกี่ยวกับตนเองนั้นยังมีความสับสนอยู่ เนื่องจากหากตนเองลาออก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็จำเป็นจะต้องลงคะแนนเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีขึ้นใหม่ ซึ่งปัจจุบันพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดก็ยังยืนยันที่จะร่วมมือกันต่อ ดังนั้นหากตนเองได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีอีก ปัญหาก็จะกลับมาที่จุดเดิมอีกครั้ง

สำหรับข้อเรียกร้องที่ 3 ที่ปรารถนาจะให้ประชาธิปไตยพัฒนาต่อไปนั้น แนวทางที่เหมาะสมคือการเปิดโอกาสให้ฝ่ายต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการปฏิรูปการเมือง อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีเชื่อว่า ประชาชนจะเริ่มเข้าใจว่า การผสมผสานข้อเรียกร้องที่ 3 ซึ่งฟังมีเหตุมีผล แต่ขาดรายละเอียดว่าจะดำเนินการอย่างไร เข้ากับข้อ 1 และ 2 เป็นความพยายามที่จะสร้างความสับสนทางการเมือง การขีดเส้นตายภายในวันนี้ไม่มีเหตุผลรองรับที่ชัดเจน อย่างไรก็ดี ภายหลังการชุมนุมในวันที่ 8 เมษายน จำนวนผู้ชุมนุมประมาณร้อยละ 70 ได้เดินทางกลับไปแล้ว แสดงให้เห็นว่าคนเหล่านี้มาร่วมชุมนุมเพราะต้องการเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เหลือเพียงร้อยละ 30 ซึ่งได้กระทำการอันผิดต่อกฎหมายและเชื่อมโยงกับการมีอยู่ของรัฐบาล โดยอ้างว่าไม่จำเป็นต้องเคารพกฎหมายเนื่องจากไม่มีรัฐบาล อย่างไรก็ดี กลุ่มผู้ชุมนุมยังคงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก ซึ่งเป็นการยอมรับนายอภิสิทธิ์ฯ ในฐานะ นายกรัฐมนตรี ในขณะเดียวกันรัฐบาลไม่เคยปิดกั้นเสรีภาพของประชาชน ไม่เคยขัดแย้งกับประชาชน และไม่เคยใช้ความรุนแรงกับประชาชน การเรียกร้องและปิดถนนดังกล่าวจึงมีขึ้นเพียงเพื่อก่อให้เกิดความวุ่นวายต่อบ้านเมืองและสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเห็นว่า พฤติกรรมดังกล่าวขัดต่อหลักประชาธิปไตย ขัดต่อหลักกฎหมาย และไม่เคารพในสิทธิเสรีภาพของประชาชน

รัฐบาลขออภัยในความไม่สะดวกของประชาชน แต่ก็ได้ทราบเช่นเดียวกันว่า ผู้ชุมนุมที่เหลืออยู่มีจุดมุ่งหมาย คือ ต้องการยั่วยุให้เกิดการเผชิญหน้าและการใช้ความรุนแรง รวมทั้งต้องการให้กลายเป็นเหตุการณ์จลาจล ต้องการหยุดยั้งไม่ให้ไทยเดินหน้าต่อในการเป็นประธานอาเซียน แกนนำของกลุ่มผู้ชุมนุมได้เคยไปเรียกร้องให้ผู้นำของประเทศต่างๆ ยกเลิกการเข้าร่วมประชุมฯ แต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากประเทศต่างๆ เข้าใจสถานะของรัฐบาลไทยในปัจจุบัน ให้การยอมรับในการทำงานของรัฐบาลและพร้อมที่จะมาร่วมกันแก้ไขปัญหาต่อไป

ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา รัฐบาลมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการรักษาสถานที่ราชการและดูแลการจราจร เนื่องจากได้ทราบมาล่วงหน้าว่า มีแผนการของกลุ่มประชาชนบางส่วนที่จะดำเนินการประท้วง และเพื่อการอำนวยความสะดวกต่อประชาชน รัฐบาลมีแนวทางแก้ไขปัญหา ในการแยกแยะผู้ชุมนุมที่มีเจตนาบริสุทธิ์ออกจากผู้ชุมชุมที่มีเจตนาอื่น เพื่อที่จะได้ดำเนินการตามกฎหมายกับกลุ่มที่จงใจก่อความไม่สงบต่อไป ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้วันพรุ่งนี้ (10 เมษายน 2552) เป็นวันหยุดราชการเพื่อความสะดวกของเจ้าหน้าที่ในการดำเนินการแยกแยะบุคคลที่ทำผิดกฎหมาย นอกจากนี้ ได้ขอให้สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ถ่ายทอดภาพข่าวของสถานการณ์การชุมนุม ภาวะการจราจร และการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ เพื่อที่ประชาชนจะสามารถติดตามเหตุการณ์ด้วยการนำเสนอข่าวอย่างตรงไปตรงมาได้ตลอดทั้งวัน และยังได้ขอความร่วมมือสถานีโทรทัศน์ทุกช่องนำเสนอข่าวที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนด้วย

อย่างไรก็ดี ฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้ประเมินสถานการณ์ว่า แม้รัฐบาลจะพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าเพียงใด แต่เห็นได้ชัดว่า ผู้ชุมนุมบางส่วนต้องการยกระดับความรุนแรง รัฐบาลจึงได้ประสานกับหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง ให้ฝ่ายต่างๆ อาทิ ตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่เทศกิจสอดส่องดูแลพื้นที่สาธารณะ เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุร้ายเกิดขึ้น และเป็นหน้าที่ของหัวหน้าส่วนราชการในการดูแลพื้นที่ในส่วนราชการแต่ละแห่ง และขอความร่วมมือให้ภาคเอกชนและประชาชนทุกคนช่วยกันสอดส่องดูแลสถานการณ์ในช่วง 24-48 ชั่วโมงข้างหน้านี้

รัฐบาลมั่นใจว่า จะสามารถบังคับใช้กฎหมาย และนำเหตุการณ์สู่ภาวะปกติได้ในระยะเวลาที่ไม่นานจนเกินไป และพร้อมที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนกับคู่เจรจาเพื่อรักษาผลประโยชน์และภาพลักษณ์ของประเทศ โดยจะเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยต่างๆ ที่พัทยา ซึ่งในชั้นนี้ ผู้นำของทุกประเทศที่จะเข้าร่วมการประชุมยังคงยืนยันกำหนดการเดิมที่จะเข้าร่วมการประชุม และขอเชิญชวนให้คนไทยร่วมเป็นเจ้าภาพที่ดี

ก่อนจบ นายกรัฐมนตรีได้ยืนยันว่า การตัดสินใจต่างๆ ของรัฐบาลไม่ใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตัว แต่อยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ของประชาชน ความถูกต้อง การรักษาระบบสำหรับระยะยาว และการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน ทั้งนี้ เข้าใจว่าประชาชนไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งรัฐบาลไม่เพิกเฉยและมีความรับผิดชอบต่อสถานการณ์นี้ และพร้อมที่จะชี้แจงทุกอย่างด้วยความโปร่งใส เพื่อประโยชน์ส่วนรวม แต่ขอให้ประชาชนทุกคนใช้ความอดทนอดกลั้น ความสงบรอบคอบ มีสติ สำหรับประชาชนคนไทยทุกคน สถาบันหลักของชาติ และประเทศชาติ

กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--

-พห-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ