เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2552 รักษาการอธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้ตอบคำถามของนักข่าวเกี่ยวกับกรณีการส่งมอบวัตถุโบราณ 7 ชิ้น คืนแก่รัฐบาลกัมพูชาเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2552 ในระหว่างเยือน กพช. อย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีและแนวทางการส่งมอบวัตถุโบราณที่เหลือให้แก่รัฐบาลกัมพูชา สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. เมื่อปี 2543 กรมศุลกากรได้ตรวจยึดวัตถุโบราณที่ถูกลักลอบนำเข้าประเทศไทยอย่างผิดกฎหมายได้ 43 ชิ้น ที่ผ่านมา ฝ่ายไทยและกัมพูชาได้ประสานงานกันอย่างใกล้ชิดโดยตลอด ในเรื่องการตรวจสอบที่มาและการส่งมอบวัตถุโบราณคืนในกรณีที่วัตถุโบราณนั้นได้รับการพิสูจน์โดยแน่ชัดแล้วว่าเป็นของกัมพูชา
2. ฝ่ายไทยโดยกรมศิลปากร ซึ่งมีคณะกรรมการตรวจพิสูจน์กำหนดอายุสมัย กำหนดค่าทรัพย์สิน และประเมินราคาของโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ สิ่งเทียมโบราณวัตถุ และสิ่งเทียมศิลปวัตถุ ได้พิสูจน์และตรวจสอบวัตถุโบราณที่ยึดได้ดังกล่าว และได้ข้อสรุปในเบื้องต้นว่า มีวัตถุโบราณ 18 ชิ้น (จากทั้งหมด 43 ชิ้น) ที่สันนิษฐานได้ว่า น่าจะมีแหล่งกำเนิดจากประเทศกัมพูชา จึงได้มีหนังสือแจ้งฝ่ายกัมพูชาขอให้ส่งหลักฐานเพื่อประกอบการตรวจพิสูจน์ หากพบว่าเป็นของกัมพูชา ฝ่ายไทยก็ยินดีจะคืนให้ตามความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาในการต่อต้านการเคลื่อนย้ายโดยผิดกฎหมายและการลักลอบขนข้ามแดนของสังหาริมทรัพย์ทางวัฒนธรรมและส่งคืนให้แก่ประเทศต้นกำเนิด พ.ศ. 2543
3. จนถึงปัจจุบัน ฝ่ายกัมพูชาสามารถส่งหลักฐานทางวิชาการที่สามารถพิสูจน์ได้ชัดเจนว่ามีวัตถุโบราณจำนวน 7 ชิ้นที่เป็นของกัมพูชา ซึ่งฝ่ายไทยโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้เป็นผู้แทนรัฐบาลไทยส่งคืนให้แก่รัฐบาลกัมพูชาแล้ว เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2552 ส่วนที่เหลืออีก 11 ชิ้น อยู่ในระหว่างขั้นตอนการประสานงานของทั้งสองฝ่าย ซึ่งหากฝ่ายกัมพูชามีหลักฐานมาพิสูจน์ได้แน่ชัด ฝ่ายไทยก็พร้อมที่จะส่งมอบวัตถุโบราณที่เหลือคืนให้ ทั้งนี้ อาจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากกรมศิลปากรในเรื่องดังกล่าวต่อไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--