ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2552 เห็นชอบในหลักการให้สิทธิในการขอรับการตรวจลงตราเข้าไทย ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองของไทย (Visa-on-Arrival-VOA) แก่อุซเบกิสถาน โดยพำนักในไทยไม่เกิน 15 วัน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ นั้น
โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 กระทรวงมหาดไทยได้ออกประกาศกระทรวงมหาดไทย กำหนดรายชื่อประเทศที่คนชาติจะขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (ฉบับที่ 4) จำนวน 1 ประเทศ คือ อุซเบกิสถาน โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2553 โดยให้มีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 30 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา หรือ ในวันที่ 23 เมษายน 2553
การที่อุซเบกิสถานได้รับสิทธิขอรับการตรวจลงตราเข้าไทย ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง คาดว่า จะมีส่วนในการส่งเสริมให้ชาวอุซเบกิสถานเดินทางมาท่องเที่ยวและทำธุรกิจในประเทศไทยเพิ่มยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวในอุซเบกิสถาน เนื่องจากปัจจุบัน สายการบินอุซเบกิสถานแอร์เวย์มีเที่ยวบินตรงระหว่างกรุงเทพ - ทาชเคนต์ สัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน ทั้งนี้ ในปี 2551 มีนักท่องเที่ยวชาวอุซเบกิสถานเดินทางมาไทยประมาณ 3,800 คน และในปี 2552 มีนักท่องเที่ยวชาวอุซเบกิสถานเดินทางมาประเทศไทยประมาณ 4,329 คน
ประเทศไทยและอุซเบกิสถานได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2535 โดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโก มีเขตอาณาดูแลอุซเบกิสถาน ส่วนฝ่ายอุซเบกิสถานได้เปิดทำการ สถานกงสุลใหญ่ที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2539 ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่ผ่านมาเป็นไปอย่างราบรื่น ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ การค้า วัฒนธรรมและการกีฬา มูลค่าการค้าระหว่างกันได้เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ จาก 8.10 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2549 เป็น 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2552 โดยสินค้าออกสำคัญที่ไทยส่งไปอุซเบกิสถาน ได้แก่ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ เตาอบไมโครเวฟและเครื่องไช้ไฟฟ้า ด้ายและเส้นใยประดิษฐ์ เภสัชภัณฑ์ เม็ดพลาสติก เสื้อผ้าสำเร็จรูป ข้าว และเคมีภัณฑ์ ส่วนสินค้าเข้าสำคัญจากอุซเบกิสถาน ได้แก่ ด้ายและเส้นใย เคมีภัณฑ์ และลวดและสายเคเบิล
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--