รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 11 มกราคม 2554

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday January 11, 2011 11:24 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 11 มกราคม 2554

Summary:

1. สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดมองเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัว 4.4%

2. ค่าเงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 5 เดือน แตะที่ระดับ 30.7 บาท/ดอลลาร์

3. ดาวโจนส์ปิดลบ น้ำมันเพิ่มขึ้น 1.22 ดอลลาร์สหรัฐ

Highlight:
1. สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดมองเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัว 4.4%
  • นางสาวอุสรา วิไลพิชญ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ระบุว่า แนวโน้มผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของไทยในปีนี้ คาดว่าจะขยายตัว 4.4% ลดลงจากปี 2553 ที่หลายฝ่ายคาดว่าจะเติบโตในระดับ 7.8% ส่วนอัตราทั่วไปปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 3.7 และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่อยู่ 1.5-1.9 %
  • สศค. วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2554 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.5 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 4.0 — 5.0) โดยมีแรงขับเคลื่อนที่สำคัญมาจากการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศที่ยังคงมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากปี 2553 ทั้งการบริโภคและการลงทุน ตามภาวะการจ้างงานและรายได้ที่คาดว่าจะยังอยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่อง อีกทั้งความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ซึ่งใกล้เคียงกับที่ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดคาดการณ์ไว้ที่ 4.4 %
2. ค่าเงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 5 เดือน แตะที่ระดับ 30.7 บาท/ดอลลาร์
  • นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด กล่าวถึงการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทในวันที่ 10 ม.ค. ว่าอ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 5 เดือน แตะที่ระดับ 30.7 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงหนักลงมา 18.4 จุดดัชนีอยู่ที่1,018.03 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 4.6 หมื่นล้านบาท โดยนักวิเคราะห์หลักทรัพย์บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด มองว่า เป็นการปรับฐานครั้งสำคัญในช่วงไตรมาสแรกของปี 54 หลังจากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับตัวขึ้นมามากในปี 53
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แนวโน้มค่าเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างเห็นได้ชัด จาก 30.2 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในวันที่ 4 ม.ค. 54 เป็น 30.34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในวันที่ 7 ม.ค. 54 และคาดว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติถอนหุ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะเป็นเพียงปัจจัยระยะสั้น เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยยังคงขยายตัวในระดับแข็งแกร่ง ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่องทั้งในตลาดทุนและตลาดตราสารหนี้ ทั้งนี้ ในปี 54 สศค. คาดว่าค่าเงินบาทจะอยู่ที่ 29.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หรือในช่วงคาดการณ์ 29.0-30.0 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณการ ณ เดือนธ.ค. 53)
3. ดาวโจนส์ปิดลบ น้ำมันเพิ่มขึ้น 1.22ดอลลาร์สหรัฐ
  • สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า การซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อ 10 ม.ค. 53 ดัชนีหุ้นผันผวนและมีแรงเทขายออกมาเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 11,637.50 จุด ลดลง 37.31 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี ปิดที่ 1,269.75 จุด ลดลง 1.75 จุด ดัชนีแนสแดค ปิดที่ 2,707.80 จุด เพิ่มขึ้น 4.63 จุด สำหรับด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 1.22 ดอลลาร์สหรัฐ ไปปิดที่ 89.25 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนต์ ตลาดลอนดอน ปิดที่ 95.70 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.37 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนราคาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดที่ 1,373.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 5.20 ดอลลาร์สหรัฐ
  • สศค.วิเคราะห์ว่า ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะหนี้ในกลุ่มประเทศในยุโรป โดยเฉพาะโปรตุเกสและสเปน ที่เตรียมขายพันธบัตรเพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางเศรษฐกิจ และอาจต้องการช่วยเหลือทางการเงินจากต่างประเทศต่อจากกรีซและไอร์แลนด์ เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการลดลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ นอกจากนี้ ยังส่งผลทำให้เงินยูโรมีการอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง โดยบาท/ยูโร อ่อนค่าลงเฉลี่ยทั้งปี 2553 ประมาณร้อยละ 17.1 ขณะเดียวกันราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นนั้น สาเหตุนอกเหนือจากสภาพเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศในยุโรปที่ยังคงเปราะบางแล้ว ยังได้รับปัจจัยเสริมจากกลุ่มประเทศโอเป็กที่กำหนดการผลิตน้ำมันเพื่อตรึงราคาและการเก็งกำไรที่จะทำให้ราคาน้ำมันมีความผันผวน

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group:

Fiscal Policy Office Tel. 02-273-9020 Ext.3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ