Macro Morning Focus ประจำวันที่ 26 สิงหาคม 2554
1. การส่งออกเดือน ก.ค. 54 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ หรือขยายตัวร้อยละ 38.3
2. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเยอรมัน เดือน ก.ย. 54 อยู่ที่ 5.2 ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 53
3. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกาหลีใต้เดือน ก.ค. 54 ปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 99
-ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือน ก.ค. 54 ว่าการส่งออกมีมูลค่าทั้งสิ้น 21,521 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า สูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับการส่งออกรายเดือน ส่งผลให้การส่งออกในช่วง 7 เดือนแรกของปี 54 มีมูลค่าทั้งสิ้น 136,499 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.9 ขณะที่การนำเข้าในเดือน ก.ค. 54 มีมูลค่า 18,723 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.5 จากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า ส่งผลให้การนำเข้า 7 เดือนแรกของปี 54 มีมูลค่าทั้งสิ้น 130,254 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.1
-สศค. วิเคราะห์ว่า การส่งออกในเดือน ก.ค. 54 ขยายตัวเร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญเพิ่มขึ้นในทุกหมวด โดยเฉพาะสินค้าเกษตรหรืออุตสาหกรรมการเกษตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 53.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน อาทิ ยางพารา ขยายตัวร้อยละ 69.3 และข้าวที่ขยายตัวร้อยละ 110.6 เช่นเดียวกับสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.9 โดยเฉพาะกลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับ ที่ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 302.0 เป็นผลมาจากราคาทองคำที่สูงขึ้น ทำให้มูลค่าการส่งออกทองคำ ขยายตัวถึงร้อยละ 3,919 สะท้อนภาคการส่งออกของไทยซึ่งมีสัดส่วนกว่าร้อยละ 70 ของเศรษฐกิจ ที่ยังขยายตัวดี้ต่อเนื่อง และคาดว่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของการขยายตัวของเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 54
-ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเยอรมัน (Gfk Consumer Sentiment) เดือน ก.ย. 54 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 5.2 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 53 โดยเป็นผลมาจากผู้บริโภคมีความกังวลต่อสถานการ์เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง ทั้งนี้ ระดับดัชนีที่อยู่สูงกว่า 0 สะท้อนถึงการขยายที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าของการบริโภคภาคเอกชน ในขณะที่ต่ำกว่า 0 จะหมายถึงการหดตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าของการบริโภคภาคเอกชน
-สศค. วิเคราะห์ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมันล่าสุดที่ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 เป็นการบ่งชี้ถึงทิศทางการชะลอตัวลงของการบริโภคภาคเอกชนของเยอรมัน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 60 ของ GDP ประเทศ ในขณะที่เศรษฐกิจเยอรมันถือเป็นเศรษฐกิจที่สำคัญของยุโรป (Core Economy) โดยมีสัดส่วนเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในสหภาพยุโรป ซึ่งแนวโน้มการชะลอลงของเศรษฐกิจเยอรมันอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจยุโรปโดยรวมที่ยังคงเผชิญกับปัญหาหนี้สาธารณะยุโรปที่ยืดเยื้อได้ นอกจากนั้น เหตุการณ์ดังกล่าวประกอบกับเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังคงเผชิญกับความเสี่ยงต่อการชะลอตัวในด้านต่าง ๆ อาจทำให้เศรษฐกิจโลกอาจเผชิญกับสภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจอีกครั้งหนึ่ง (Double-Dip) ทั้งนี้ ทางการสหรัฐได้ออกมาประกาศถึงความเป็นไปได้ของการทำมาตรผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing III) ซึ่งเป็นการบ่งชีว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่สามารถกลับเข้าสู่การขยายตัวในระดับปรกติและยังต้องการการช่วยเหลือจากทางการสหรัฐ
-ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกาหลีใต้เดือน ก.ค. 54 ปรับลดลงต่ำสุดในรอบ 5 เดือนมาอยู่ที่ระดับ 99 โดยก่อนหน้านี้ ดัชนีความเชื่อมั่นดังกล่าวปรับลดลงต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปี 54 ในเดือน มี.ค. 54 ช่วงเหตุการณ์ภัยพิบัติสึนามิในประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้ ความเชื่อมั่นที่ลดลงดังกล่าวส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีความเสี่ยง
-สศค. วิเคราะห์ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อยู่ในระดับต่ำกว่า 100 สะท้อนความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจที่ลดลง จาก (1) แรงกดดันจากเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากราคาอาหารและน้ำมันที่ยังคงทรงตัวในระดับสูง โดยในเดือน ก.ค. 54 อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 4.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า เพิ่มแรงกดดันให้ธนาคารกลางเกาหลีใต้ให้ใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัวในระยะต่อไป และ (2) เศรษฐกิจโลกที่ยังคงฟื้นตัวอย่างเปราะบาง ทั้งจากเศรษฐกิจสหภาพยุโรปที่ยังคงเปราะบางจากปัญหาหนี้สาธารณะ ผนวกกับเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ยังคงขยายตัวในระดับต่ำ และอัตราการว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าก่อนวิกฤตเศรษฐกิจโลกปี 51-52 ถึง 2 เท่า โดยในเดือน ก.ค. 54 อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ร้อยละ 9.2 ของกำลังแรงงานรวม อย่างไรก็ตาม คาดว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่น โดยเฉพาะในส่วนของภาคการผลิตที่เริ่มฟื้นตัวจากเหตุการณ์สึนามิ ผนวกกับเศรษฐกิจจีนที่ยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่อง จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไป
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group:
Fiscal Policy Office Tel. 02-273-9020 Ext.3665 : www.fpo.go.th