Macro Morning Focus ประจำวันที่ 23 กันยายน 2554
Summary:
1. กระทรวงพาณิชย์เผยส่งออก ส.ค 54 มีมูลค่า2.1 หมื่นล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัว 31.1%
2. PMI ยุโรปเดือน ก.ย. 54 อยู่ระดับ 49.2 ต่าสุดในรอบกว่า 2 ปี
3. CDS ญี่ปุ่นเพิ่มสูงขึ้นมากสุดในรอบ 7 ปี
Highlight:
1. กระทรวงพาณิชย์เผยส่งออก ส.ค 54 มีมูลค่า 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัว 31.1%
- กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยการส่งออก เดือนส.ค. 2554 มีมูลค่าทั้งสิ้น 21,567 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ร้อยละ 31.1 จากเดือนเดียวกันปีก่อน ขณะที่การนาเข้าในเดือนเดียวกันมีมูลค่า 22,770 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 44 จากเดือนเดียวกันปีก่อน ส่งผลให้ขาดดุลการค้ามูลค่า 1,203 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ภาพรวมในช่วง 8 เดือน ยังคงเกินดุลการค้ามูลค่า 5,041 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ การส่งออกของเดือนส.ค. 2554 เป็นการขยายตัวในทุกสินค้า โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ขณะที่ตลาดขยายตัวทุกตลาดเช่นเดียวกัน แม้ตลาดสหรัฐฯ จะชะลอตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน แต่ยังขยายตัวได้ในอัตราร้อยละ 3.6 จากเดือนเดียวกันปีก่อน และคาดว่าทั้งปี 2554 การส่งออกของไทยจะมีมูลค่าทั้งสิ้น 2.34 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 20 จากปีก่อนหน้า
- สศค. วิเคราะห์ว่า การขยายตัวในระดับสูงของมูลค่าการส่งออกในเดือน ส.ค. 2554 สอดคล้องกับตัวเลขมูลค่านาเข้าของประเทศจีนและญี่ปุ่น ซึ่งเป็นคู่ค้าอันดับที่ 1 และ 2 ของไทย (ไทยมีการส่งออกไปยังประเทศดังกล่าวคิดเป็นร้อยละ 11.0 และร้อยละ 10.5 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดตามลาดับ) โดยมูลค่าการนาเข้าสินค้าของประเทศดังกล่าวในเดือน ส.ค. 2554 ขยายตัวเร่งขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 30.4 และร้อยละ 19.2 จากเดือนเดียวกันปีก่อนหน้าตามลาดับ ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นผลจากการสะสมสินค้าเพื่อรองรับเทศกาลในช่วงปลายปี ทั้งนี้ สศค. คาดว่า มูลค่าการนาเข้าของไทยในปี 2554 จะขยายตัวที่ร้อยละ 17.6 จากปีก่อนหน้า (ประมาณการณ์ ณ มิ.ย. 2554) อย่างไรก็ตาม สศค. จะได้ปรับผลการประมาณการณ์การค้าระหว่างประเทศของไทยอีกครั้งในปลายเดือนนี้
2. PMI ยุโรปเดือน ก.ย. 54 อยู่ระดับ 49.2 ต่าสุดในรอบกว่า 2 ปี
- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อรวม (Composite Purchasing Manager Index: PMI) ของยุโรปเดือน ก.ย. 54 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 49.2 จุด ซึ่งป็นการปรับตัวลดลงต่ากว่าระดับ 50 จุดเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี บ่งชี้ถึงการหดตัวในภาคอุตสาหกรรมของยุโรปในเดือนดังกล่าว ซึ่งสอดคล้องกับความกังวลของตลาดต่อปัญหาหนี้สาธารณะยุโรปที่อาจลุมลามไปสู่วิกฤติการเงินและเศรษฐกิจโลกอีกครั้งหนึ่ง
- สศค. วิเคราะห์ว่า หากพิจารณาในรายละเอียดจะพบว่าการหดตัวของภาคอุตสาหกรรมยุโรปในเดือน ก.ย. 54 เป็นผลมาจากทั้งภาคการผลิตและการบริการ โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (Manufacturing Purchasing Manager Index: PMI) เดือน ก.ย. 54 ปรับตัวลดลงต่าสุดในรอบกว่า 2 ปี ที่ระดับ 48.4 จุด จากการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ของผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และยอดคาสั่งซื้อที่ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 เป็นสาคัญ ในขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ (Service Purchasing Manager Index: PMI) เดือน ก.ย. 54 ปรับตัวลดลงมาอยู่ระดับที่ต่ากว่าระดับการขยายตัวเช่นกัน โดยมาอยู่ที่ระดับ 49.1 จุด จากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ระดับ 51.5 จุด ซึ่งการปรับตัวลดลงของทั้ง 2 ดัชนีเป็นการบ่งชี้ถึงการหดตัวของภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการโดยรวม จากทั้งปัจจัยลบภายในและภายนอกกลุ่มประเทศ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการลดการใช้จ่ายภาครัฐของกลุ่มประเทศ PIIGS และเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังมีความเสี่ยงต่อการขยายตัว
3. CDS ญี่ปุ่นเพิ่มสูงขึ้นมากสุดในรอบ 7 ปี
- เบี้ยประกันการผิดนัดชาระหนี้ของตราสารหนี้ญี่ปุ่น (CDS: Credit-Default Swaps) เพิ่มสูงขึ้น สะท้อนจากเบี้ยประกัน CDS ของพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 5 ปีเพิ่มขึ้น 12 bps มาอยู่ที่ 136 bps ซึ่งมากที่สุดในรอบ 7 ปี นับตั้งแต่เดือน ต.ค. ปี 2547 แม้ว่าความต้องการถือตราสารหนี้ญี่ปุ่นจะอยู่ในระยะฟื้นตัวแล้ว
- สศค. วิเคราะห์ว่า การเพิ่มขึ้นของเบี้ยประกัน CDS ของธนาคารพาณิชย์ญี่ปุ่นเป็นผลมาจากความวิตกกังวลเรื่องวิกฤตหนี้สาธารณะในภูมิภาคยุโรปที่อาจขยายวงกว้างสู่ภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่มีภาระหนี้สูงสุดในโลก ขณะที่ดอกเบี้ยเงินกู้ของญี่ปุ่นคงอยู่ในระดับต่า โดยเดือน ก.ย. 54 อัตราดอกเบี้ยขั้นต่า (Prime Lending Rate) อยู่ที่ร้อยละ 1.4 อีกทั้งธนาคารพาณิชย์ก็มีทางเลือกในการลงทุนที่น้อยลง จึงต้องซื้อพันธบัตรรัฐบาลที่มีความเสี่ยงต่อการผิดนัดชาระหนี้เพิ่มขึ้น และปรับเพิ่มเบี้ยประกัน CDS เพื่อชดเชยความเสี่ยงในการลงทุนดังกล่าว สาหรับแนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่นในช่วงที่เหลือของปีนี้และปีหน้า คาดว่าจะได้รับอานิสงค์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลมีแผนการใช้จ่ายเงิน 248 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในเวลา 5 ปี เพื่อเร่งฟื้นสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศจากความเสียหายของเหตุการณ์สึนามิเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ล่าสุด IMF ได้ปรับลดคาดการณ์ขยายตัวทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นในปี 2554 และ 2555 ลงเหลือร้อยละ -0.5 และร้อยละ 2.3 ตามลาดับ
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group:
Fiscal Policy Office Tel. 02-273-9020 Ext.3665 : www.fpo.go.th