รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 2 ธันวาคม 2554

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 2 ธันวาคม 2554

1. อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน พ.ย.54 อยู่ที่ร้อยละ 4.19

2. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมจีนเดือน พ.ย.54 อยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 32 เดือนที่ 49.0

3. อัตราเงินเฟ้อเกาหลีใต้เดือน พ.ย.54 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 4.2

• กระทรวงพาณิชย์ประกาศอัตราเงินเฟ้อทั่วไป เดือน พ.ย. 54 ปรับตัวสูงขึ้นเพียงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 4.19 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 2.90 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าแม้ว่าประเทศกำลังเผชิญกับเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ สร้างความเสียหายแก่ภาคการผลิตสินค้าเกษตรกกรมและอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมากประกอบกับอุปสรรคในการขนส่งสินค้าเข้าสู่ตลาดส่งผลให้ผลผลิตที่จะออกสู่ตลาดลดน้อยลง

• สศค. วิเคราะห์ว่า ปัญหาอุทกภัยที่ประเทศกำลังเผชิญครั้งนี้นอกจากจะสร้างความเสียหายให้แก่ภาคการผลิตแล้ว ยังสร้างความเสียหายแก่ประชาชนและบ้านเรือนทั้งในกรุงเทพฯและส่วนภูมิภาค เป็นอุปสรรคในการจับจ่ายใช้สอยสินค้าและบริการ อีกทั้งประชาชนบางส่วนไม่สามารถทา งานได้มีรายได้ลดลงส่งผลให้กำลังซื้อลดลงตามไปด้วย ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อ ณ เดือน พ.ย. 54 ไม่ได้สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยราคาสินค้าหมวดอาหารสด อาทิ ผักสด ไก่สดเนื้อโค ไข่ ข้าวสารเจ้า เป็นต้น ปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 10.83 เมื่อเทียบกับช่วเดียวกันของปี ก่อนหน้าหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.98 จากเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ สศค. คาด ณ เดือน ต.ค. 54 ว่าอัตราเงินเฟ้อทั้งปี 54 จะอยู่ที่ร้อยละ 3.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี ก่อนหน้า

• ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซือ้ ภาคอุตสาหกรรม (Purchasing Manager Index) ของจีน เดือน พ.ย. 54 อยู่ที่ระดับ 49.0 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 50.4 โดยดัชนีฯ อยู่ในระดับต่ากว่า 50 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 52 นอกจากนียั้งมีการคาดการณ์เพิ่มเติมว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวชะลอลงชัดเจนในปี 55 จากการชะลอลงของเศรษฐกิจจากทั้งวิกฤติหนี้สาธารณะที่เรื้อรังในสหภาพยุโรป รวมถึงความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐฯ

• สศค. วิเคราะห์ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อที่ปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 50 สะท้อนการหดตัวของภาคอุตสาหกรรมจีน โดยหากพิจารณารายละเอียดแล้ว จะพบว่าผลหลักมาจากดัชนีคำสั่งซื้อสินค้าใหม่ที่ปรับตัวลดลงต่า สุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 52 สะท้อนภาคการผลิตที่คาดว่าจะชะลอลงในระยะต่อไป นอกจากนี้ปัญหาความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกจากวิกฤตหนี้สาธารณะในสหภาพยุโรป และเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงซบเซา น่าจะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของจีน ซึ่งคาดว่าจะถ่ายทอดผลกระทบ (Second round effect) ไปยังประเทศคู่ค้าของจีนรวมถึงไทยที่มีจีนเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับ 1 และสัดส่วนการส่งออกสูงกว่าร้อยละ 11.0 ของมูลค่าการส่งออกรวม โดยปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้คาดว่าเศรษฐกิจจีนอาจขยายตัวชะลอลงกว่าคาดการณ์เดิม ณ เดือน ก.ย. 54 ที่คาดว่าในปี 54 และปี 55 เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวร้อยละ 9.2 (ช่วงคาดการณ์ร้อยละ 8.7-9.7) และร้อยละ 8.8 (ช่วงคาดการณ์ร้อยละ 8.3-9.3)

• อัตราเงินเฟ้อเกาหลีใต้เดือน พ.ย.54 อยู่ที่ร้อยละ 4.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี ก่อนหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยูที่ร้อยละ 3.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี ก่อนหน้าเพิ่มแรงกดดันให้กับธนาคารกลางเกาหลีใต้ในการใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัว โดยหากวิเคราะห์แนวโน้มนโยบายการเงินของประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคพบว่า เริ่มมีการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึน้ จากความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มขึ้น

• สศค. วิเคราะห์ว่า อัตราเงินเฟ้อเกาหลีใต้ที่ปรับเพิ่มขึ้นนั้นอยู่ในระดับสูงกว่ากรอบเป้าหมายที่ธนาคารกลางกาหนดไว้ที่ร้อยละ 4.0 อย่างไรก็ตาม ราคาน้ามันในตลาดโลกน่าจะปรับตัวอย่างค่อยเป็ นค่อยไป ต่างจากช่วงครึ่งแรกของปี 54 ที่ราคาน้ามันปรับเพิ่มขึ้นรุนแรง จากปัญหาความไม่สงบในตะวันออกกลางขณะที่แนวโน้มการขยายตัวของภาคการส่งออกเกาหลีใต้ รวมถึงประเทศอื่นๆในภิมิภาคชะลอลงอย่างต่อเนื่อง ตามการแผ่วลงของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะจากปัญหาวิกฤตหนี้สาธารณะในสหภาพยุโรป ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงซบเซาและเศรษฐกิจจีนซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนสาคัญของเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียส่งสัญญาณชะลอลงต่อเนื่องปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้แรงกดดันด้านเงินเฟ้ อของเกาหลีใต้มีแนวโน้มลดลงจากปัจจุบัน โดยคาดว่าในระยะต่อไปความท้าทายสาคัญของเกาหลีใต้จะเป็นการกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group:

Fiscal Policy Office Tel. 02-273-9020 Ext.3665 : www.fpo.go.th