ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจที่น่าสนใจ ดังนี้
1. ดัชนีเศรษฐกิจที่สำคัญในเดือนตุลาคม 2554
2. รัฐบาลญี่ปุ่นจัดทาร่างงบประมาณเพิ่มเติมครั้งที่ 4 ประจำปี 2554
3. เงินทุนสำรองระหว่างประเทศของญี่ปุ่นเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์
-----------------------------------
1.1 ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (Industrial Output) เดือนตุลาคม 2554 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4
กระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรม (Ministry of Economic Trade and Industry)ได้เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (Industrial Output) ของเดือนตุลาคม 2554 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้วมาอยู่ที่ระดับ 92.7 (ปี2548=100) ซึ่งการเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน เนื่องจากมีการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในประเทศเพิ่มขึ้นแทนผลผลิตจากประเทศไทย แต่ยังได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยและอัตราแลกเปลี่ยนเงินเยนที่แข็งตัวขึ้น
1.2 ดัชนีราคาผู้บริโภค (Core Consumer Price Index)
กระทรวงมหาดไทยและการสื่อสารได้เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคยกเว้นอาหารสด (CPI, ปี 2548=100) ประจำเดือนตุลาคม 2554 ลดลงร้อยละ 0.1 อยู่ที่ 99.0 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นการลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน
1.3 อัตราการว่างงาน (Unemployment Rate)
อัตราการว่างงานเดือนตุลาคม 2554 อยู่ที่ร้อยละ 4.5 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วที่มีอัตราว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 4.1 ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน เนื่องจากเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นและความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจส่งผลให้บริษัทระมัดระวังในการที่จะจ้างพนักงานเพิ่ม
1.4 การใช้จ่ายบริโภคเดือนตุลาคม 2554 ลดลงร้อยละ 0.4
กระทรวงมหาดไทยและการสื่อสารได้เปิดเผยว่าการใช้จ่ายบริโภคประจำเดือนตุลาคม 2554 ลดลงร้อยละ 0.4 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนหน้า ซึ่งได้ลดลงติดต่อกันเป็นเวลา 8 เดือน
เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2554 นาย Yoshihiko Noda นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้มอบหมายให้นาย Jun Azumi รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จัดทาร่างงบประมาณเพิ่มเติมครั้งที่ 4 ประจาปี 2554 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ ปี 2490 ที่มีการจัดทำงบประมาณเพิ่มเติมถึง 4 ครั้งภายในปีงบประมาณเดียวกัน
งบประมาณเพิ่มเติมครั้งที่ 4 นี้คาดว่าจะมียอดมากกว่า 2 ล้านล้านเยน (26 พันล้านเหรียญสหรัฐ)โดยรัฐบาลจะไม่ทาการออกพันธบัตรเพื่อกู้เงินเพิ่มเติม แต่จะนาเงินจากส่วนอื่นๆ เช่น งบประมาณที่เหลือจากการชาระดอกเบี้ยพันธบัตร รายรับจากการเก็บภาษีที่มากกว่าประมาณการณ์ไว้ มาใช้ ซึ่งแผนการใช้จ่ายในงบประมาณเพิ่มเติมครั้งนี้ นอกจากโครงการที่จะให้ความช่วยเหลือบริษัทขนาดกลางและย่อม (SME) แล้ว ยังรวมถึงการให้ความช่วยเหลือแก่บริษัทที่ได้รับผลกระทบจากการที่เงินเยนมีมูลค่าเพิ่มขึ้นและเหตุการณ์น้าท่วมในประเทศไทย นอกจากนี้ยังครอบคลุมถึงการสนับสนุนภาคการเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากการประกาศเข้าร่วมเจรากรอบความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Trans-Pacific Strategic Economic Partnership Agreement : TPP) ของรัฐบาลด้วย รัฐบาลญี่ปุ่นได้ใช้เงินไปแล้วสาหรับงบประมาณเพิ่มเติม 3 ครั้งแรกไป 4.02 1.99 และ 12.1 ล้านล้านเยน รวมทั้งสิ้น 16.02 ล้านล้านเยน
กระทรวงการคลังญี่ปุ่นได้แถลงเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2554 ว่า ยอดเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของญี่ปุ่นในเดือนพฤศจิกายน 2554 มีจานวนเพิ่มขึ้น 94.88 พันล้านเหรียญสหรัฐจากเดือนตุลาคม 2554 โดยมียอดอยู่ที่ 1.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นยอดที่สูงสุดมากกว่าที่เคยมีมาเมื่อเดือนสิงหาคม 2554 ที่มียอดอยู่ที่ 1.22 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
เงินทุนสำรองระหว่างประเทศของญี่ปุ่นได้เพิ่มขึ้น หลังกระทรวงการคลังได้เข้าแทรกแซงค่าเงินเยนเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2554 หลังจากเงินเยนมีมูลค่าสูงเป็นสถิติถึง 75.32 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยระหว่างวันที่ 28 ตุลาคม - 28 พฤศจิกายน 2554 กระทรวงการคลังได้ทาขายเงินเยนเป็นจานวนทั้งสิ้น 9.09 ล้านล้านเยน (116.99 พันล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อทาให้เงินเยนอ่อนค่าลง ซึ่งนับเป็นการเข้าแทรกแซงเป็นครั้งที่ 4 นับจากเดือนกันยายน 2553 แต่ตลาดการเงินเชื่อว่ากระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นได้ทำการเข้าแทรกแซงโดยไม่เปิดเผยอย่างเป็นทางการอีกในระหว่างเวลาดังกล่าว ข้อมูลล่าสุดที่มีการเปิดเผยไม่ได้มีการแยกรายละเอียดถึงสกุลเงินของสินทรัพย์ที่มีอยู่เป็นเงินทุนสารอง แต่รัฐบาลญี่ปุ่นก็ได้ทำการซื้อพันธบัตรจากกองทุน European Financial Stability Facility (EFSF) เป็นจานวน 2.925 พันล้านยูโรในช่วงรอบปีที่ผ่านมา
สำนักงานที่ปรึกษาเศรษฐกิจและการคลัง ณ กรุงโตเกียว
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th