รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2555

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2555

1. ครม. มีมติจัดทำ งปม. ปี 56 ขาดดุล 3 แสนล้านบาท

2. ทุนต่างชาติไหลเข้าไทย เดือน ม.ค. ยอดพุ่งกว่าร้อยละ 60

3. HSBC เผยดัชนี PMI ภาคการผลิตจีนเดือน ก.พ.หดตัวเป็นเดือนที่ 4

• การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร จ. อุดรธานี แหล่งข่าวเปิดเผยว่า มีวาระเพื่อพิจารณาที่สำคัญคือ ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 56 กรอบวงเงิน 2.4 ล้านล้านบาท โดยคาดว่าจะจัดเก็บรายได้รวม 2.1 ล้านล้านบาท และกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลจำนวน 3 แสนล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีโครงการจัดซื้อแทปเล็ต สำหรับนักเรียนตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลด้วย

• สศค. วิเคราะห์ว่า การที่เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกประเทศ อาทิ ภัยพิบัติทางธรรมชาติในประเทศญี่ปุ่น และปัญหาวิกฤติหนี้สาธารณะในสหภาพยุโรป จึงได้มีการเสนอกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 56 จานวน 2.4 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 เมื่อเทียบกับปี งปม. 55 หรือคิดเป็นร้อยละ 19.1 ของ GDP โดยคาดว่าจะจัดเก็บรายได้รวม 2.1 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 เมื่อเทียบกับปี งปม.55 และมีการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณจำนวน 3 แสนล้านบาท ทั้งนี้ ถือเป็นการขาดดุลงบประมาณที่ลดลงจากปี งปม.55 ที่มีเป้าหมายขาดดุลงบประมาณ 4 แสนล้านบาท และยังเป็นการเริ่มจัดทำงบประมาณให้กลับสู่งบประมาณแบบสมดุลในอนาคตต่อไป

• รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้รายงานถึงภาวะการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เดือน ม.ค. 55 พบว่ามีทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยนักลงทุนต่างชาติยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนจำนวน 80 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 25,027 ล้านบาท จำนวนโครงการปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.4 จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 67 โครงการ ขณะที่มูลค่าเงินลงทุนปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 63.58 จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 15,300 ล้านบาท

• สศค. วิเคราะห์ว่า การขอรับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ในเดือน ม.ค.55 จานวน 112 พันล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่จานวน 103 พันล้านบาท โดยกิจการที่นักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่ขอรับส่งเสริมการลงทุนอยู่ใน 4 กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ อุตสาหกรรมผลิตผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ กระดาษ และพลาสติก และอุตสาหกรรมบริการและสาธารณูปโภค ทั้งนี้ สัดส่วนนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น โดยขอรับการส่งเริมการลงทุนในเดือน ม.ค.55 จานวน 40 โครงการมูลค่าเงินลงทุน 14,409 ล้านบาท ส่วนใหญ่ลงทุนในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ โลหะ เครื่องจักร อิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน เป็นสำคัญ

• ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นเดือน ก.พ.ของจีน ซึ่งจัดทำโดย HSBC เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 49.7 จุด ซึ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับดัชนี PMI ขั้นสุดท้ายของเดือน ม.ค. ที่ระดับ 48.8 จุด อย่างไรก็ตาม ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 50 จุด ซึ่งบ่งชี้ถึงการหดตัวในภาคการผลิต และสะท้อนให้เห็นว่ากิจกรรมด้านการผลิตยังคงชะลอตัวลง

• สศค. วิเคราะห์ว่าเศรษฐกิจจีนยังมีคงมีสัญญาณการเติบโตที่ดีแม้มีแนวโน้มชะลอตัวลงเนื่องจากอุปสงค์จากต่างประเทศที่เป็นตลาดส่งออกสาคัญชะลอตัวลง โดยเฉพาะอุปสงค์จากยูโรโซนที่เป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของจีนที่กาลังประสบปัญหาหนี้สาธารณะและการขาดดุลงบประมาณในระดับสูง โดยอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนไตรมาสที่ 4/54 ยังคงขยายตัวได้ดีอยู่ที่ร้อยละ 8.9 แม้จะชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากการส่งออกที่ยังขยายตัวดีแม้จะชะลอลง และการบริโภคภาคเอกชนที่ยังคงขยายตัวได้ดี อย่างไรก็ตามยอดเกินดุลการค้าของจีนเริ่มลดลงนับตั้งแต่ปี 54 ซึ่งยังไม่มีแนวโน้มว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะก่อนหน้านี้ที่การค้ามีมูลค่าโดยเฉลี่ยต่อเดือนที่ 3 แสนล้านหยวน จีนจึงเริ่มให้ความสาคัญต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยทางการจีนได้ประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงรุกในปี 55 เพื่อให้เศรษฐกิจจีนขยายตัวต่อไปได้พอประมาณโดยไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตภายนอก สะท้อนจากการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นผ่านการปรับลดสัดส่วนเงินสารองตามกฏหมายของธนาคารพาณิชย์ลงเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือนเหลือร้อยละ 20.5 สำหรับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่และร้อยละ 17 สำหรับธนาคารพาณิชย์ขนาดกลางและขนาดย่อมและให้มีผลบังคับใช้วันที่ 24 ก.พ. เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ สศค.คาดว่าเศรษฐกิจจีนในปี 55 จะยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องแม้จะชะลอตัวลงโดยมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ร้อยละ 8.4 (คาดการณ์ ณ เดือน ธ.ค. 54)

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group:

Fiscal Policy Office Tel. 02-273-9020 Ext.3665 : www.fpo.go.th