Macro Morning Focus ประจำวันที่ 3 พฤษภาคม 2555
1. คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 3.0 ต่อปี
2. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน เม.ย. ปรับเพิ่มขึ้น
3. HSBC เผยดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนเดือน เม.ย. ยังคงหดตัวที่ระดับ 49.3
- นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงว่า ที่ประชุม กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 3 ต่อปี หลังมองอัตราดอกเบี้ย ในปัจจุบันยังสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ พร้อมเตรียมปรับเพิ่มประมาณการอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจปี 2555 จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 5.7 หลังภาวะเศรษฐกิจไตรมาส 1 ที่ผ่านมาฟื้นตัวและขยายตัวได้เร็วกว่าคาด
- สศค. วิเคราะห์ว่า เหตุผลของการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย มาจากการที่ กนง. ประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ผ่อนคลายลงในช่วงที่ผ่านมามีส่วนช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่น ของภาคเอกชน ทาให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างน่าพอใจและเร็วกว่าที่คาด แต่ กนง. ก็ยังเห็นว่ามีความเสี่ยงอยู่บ้างโดยเฉพาะจากปัจจัยต่างประเทศ ในขณะที่ภาวะเงินเฟ้อ ยังอยู่ในระดับที่จัดการได้ กนง. จึงเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันยังเป็นระดับ ที่เหมาะสมในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องให้เข้าสู่ภาวะปกติ และสอดคล้อง กับการรักษาเงินเฟ้อในกรอบเป้าหมาย จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 3.0 ต่อปี ทั้งนี้ สศค. คาดว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายในปี 55 จะอยู่ที่ ร้อยละ 3.25 โดยมีช่วงการคาดการณ์ร้อยละ 2.75 — 3.75
- ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจาเดือน เม.ย. 55 โดยดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวมอยู่ที่ระดับ 67.5 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 66.5 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทาอยู่ที่ระดับ 68.2 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 97.1 โดยมีปัจจัยบวกมาจากช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่มีความคึกคักทาให้มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่า และราคาน้ามันดีเซลที่ปรับลดลง
- สศค. วิเคราะห์ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวดีขึ้นสอดคล้องกับทิศทางของเศรษฐกิจไทยที่สามารถกลับมาฟื้นตัวและขยายตัวได้ดีภายหลังจากเหตุการณ์อุทกภัยในช่วงปลายปี 54 สะท้อนจากเครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจทางด้านการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง โดยยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ในเดือน มี.ค. 55 สามารถขยายตัวได้ดีที่ร้อยละ 11.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทาให้ในไตรมาสที่ 1 ปี 55 ขยายตัวร้อยละ 12.0 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 6.6 นอกจากนี้ การบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวได้ดียังได้รับปัจจัยสนับสนุนที่สาคัญจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และนโยบายการเพิ่มรายได้ให้ประชาชน เช่น การปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่าวันละ 300 บาท อย่างไรก็ดี ผู้บริโภคยังคงมีความกังวลต่อสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่ได้ส่งผลทาให้ภาคการส่งออกของไทยหดตัวลง และแนวโน้มของราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้นตามต้นทุนการผลิตและขนส่งจากราคาขายปลีกน้ามันเชื้อเพลิงภายในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตามราคาน้ามันในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
- HSBC เปิดเผยว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือน เม.ย. ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 49.3 จุด จากเดือน มี.ค.ที่ 48.3 จุด แต่ตัวเลขดังกล่าวยังอยู่ระดับต่ากว่า 50 จุด ซึ่งเป็นระดับที่บ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคการผลิต ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวตรงข้ามกับที่ทางการจีนรายงานก่อนหน้านี้ว่า PMI ภาคการผลิตของจีนขยายตัวสู่ระดับ 53.3 จุด ในเดือน เม.ย.เพิ่มขึ้น 0.2 จุด จากเดือน มี.ค.
- สศค. วิเคราะห์ว่า วิเคราะห์ว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนสารวจโดย HSBC ที่ยังคง อยู่ต่ากว่าระดับ 50 จุด สะท้อนว่าภาคอุตสาหกรรมการผลิตของจีนยังคงหดตัว แม้ก่อนหน้านี้ ค่าดัชนี PMI ที่ทางการจีนประกาศจะอยู่เหนือระดับ 50 จุดเพียงเล็กน้อย ซึ่งบ่งชี้ว่าการขยายตัวในภาคอุตสาหกรรมยังไม่อยู่ในระดับที่สูงมากนัก โดยข้อมูลของ HSBC ระบุว่าดัชนี PMI ที่ยังคงอยู่ต่ากว่าระดับ 50 จุดเป็นผลจากผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และคาสั่งซื้อใหม่ที่ยังคงหดตัว ขณะที่ดัชนีการจ้างงานลดลงในอัตราที่เร็วที่สุดในรอบ 37 เดือน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการดาเนินนโยบายการเงินการคลังแบบผ่อนคลายของทางการจีนในขณะนี้ยังไม่เพียงพอ แม้ขณะนี้ธนาคารกลางจีนได้ดาเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจภายในประเทศ และรัฐบาลจีนได้ประกาศนโยบายเพิ่มรายได้โดยการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่า ในเมืองเศรษฐกิจของจีนเพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง ทั้งนี้ สศค. คาดว่าเศรษฐกิจจีนในปี 55 จะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 8.0 (คาดการณ์ ณ เดือน มี.ค. 55)
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group:
Fiscal Policy Office Tel. 02-273-9020 Ext.3665 : www.fpo.go.th