Macro Morning Focus ประจำวันที่ 12 มิถุนายน 2555
Summary:
1. ไทยพาณิชย์มองแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 55 ขยายตัวร้อยละ 5.6-5.8 เตือนปัจจัยเสี่ยง หนี้ยุโรป
2. กบง.เบรกเก็บเงินเข้ากองทุนฯเพิ่ม หลังราคาตลาดโลกผันผวน
3. ING คาดเศรษฐกิจโลกครึ่งหลังปี 55 เผชิญปัจจัยเสี่ยงจากยุโรป สหรัฐ และจีน
Highlight:
1. ไทยพาณิชย์มองแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 55 ขยายตัวร้อยละ 5.6-5.8 เตือนปัจจัยเสี่ยงหนี้ยุโรป
- ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจธนาคารไทยพาณิชย์ จากัด (EIC) ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปี 55 จะขยายตัวร้อยละ 5.6 - 5.8 โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง จากการใช้จ่ายของภาคเอกชน ซึ่งสะท้อนได้จากความต้องการสินเชื่อที่ยังเพิ่มขึ้นในอัตราสูงอย่างต่อเนื่อง โดยยอดคงค้างสินเชื่อในไตรมาสแรกเติบโตถึงร้อยละ 14 แต่ยังคงมีความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะวิกฤติภาคการเงินของยุโรป
- สศค.วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจไทยปี 55 จะขยายตัวที่ร้อยละ 5.5 โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 5.05.0 -6.06.0 โดยได้รับแรงขับเคลื่อนหลักจากอุปสงค์ภายในประเทศและการฟื้นตัวของภาคการผลิตภาคอุตสาหกรรม การฟื้นตัวของการอุปโภคบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชนที่ได้รับปัจจัยบวกจากนโยบายของภาครัฐในการสนับสนุนการใช้จ่าย เช่น มาตรการเพิ่มรายได้แรงงานรายวัน 300 บาท การปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการและโครงการรับจานาข้าว อย่างไรก็ตาม ต้องจับตามองปัจจัยเสี่ยงจากปัญหาวิกฤติภาคการเงินของยุโรปที่อาจจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อแนวโน้มการส่งออกของไทยให้ชะลอตัวลง (ยุโรปเป็นคู่ค้าอันดับ 4 ของไทยโดยมีสัดส่วนการส่งออกร้อยละ 9.4)
2. กบง.เบรกเก็บเงินเข้ากองทุนฯเพิ่ม หลังราคาตลาดโลกผันผวน
- รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติไม่จัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ามันเชื้อเพลิงเพิ่ม เนื่องจากราคาน้ามันในตลาดโลกอยู่ในภาวะผันผวน ล่าสุดราคาน้ามันล่วงหน้าที่ตลาดสิงคโปร์ปรับขึ้นมา 4 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นผลมาจากตลาดรับข่าวอียูตอบรับที่จะช่วยเหลือทางการเงินต่อสเปน ทาให้คาดการณ์ว่าการใช้น้ามันจะไม่ถดถอยมากเกินไป
- สศค.วิเคราะห์ว่า ปัจจุบัน กบง. มีการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ามันประเภทน้ามันดีเซล2.1 บาท/ลิตร ทาให้ราคาขายปลีกน้ามันดีเซลหน้าสถานีบริการอยู่ที่ 29.53 บาท/ลิตร การชะลอการปรับเพิ่มเงินเข้ากองทุนน้ามันดังกล่าวจะทาให้ราคาน้ามันดีเซลอยู่ในระดับเดิมอีกระยะหนึ่ง อย่างไรก็ดีหากสถานการณ์ปัญหาหนี้สาธารณะในกลุ่มสหภาพยุโรปเริ่มคลี่คลาย อาจส่งผลให้อุปสงค์น้ามันดิบปรับเพิ่มขึ้น ทาให้ราคาน้ามันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อและค่าครองชีพของประชาชนได้ ทั้งนี้ สศค.คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 55 จะอยู่ที่ร้อยละ 3.6 ซึ่งอยู่ในระดับต่ากว่าปีก่อนหน้าเล็กน้อย
3. ING ING คาดเศรษฐกิจโลกครึ่งหลังปี 55 เผชิญปัจจัยเสี่ยงจากยุโรป สหรัฐ และจีน
- ING คาดการณ์เศรษฐกิจโลกครึ่งปีหลังขยายตัวได้อย่างเปราะบางตามที่ IMF คาดการณ์การเติบโตที่ร้อยละ 3.5 ในปี 55 และร้อยละ 4.1 ในปี 56 โดยมีปัจจัยเสี่ยงจากปัญหาวิกฤติหนี้ยุโรปและการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ในขณะที่กลุ่มตลาดเกิดใหม่และเอเชียยังคงเป็นภูมิภาคที่โดดเด่นเหมาะกับการลงทุน เนื่องจากการที่มีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจและโครงสร้างทางการเงินที่แข็งแกร่ง
- สศค. วิเคราะห์ว่า ในช่วงครึ่งหลังปี 55 กลุ่มเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบาง ยังคงเป็นกลุ่มเดิม คือกลุ่มยูโรโซน สหรัฐฯ และจีน โดยกลุ่มยูโรโซน ยังคงเผชิญความเสี่ยงด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจ (หลังจากที่ GDP GDP ไตรมาส 1 หดตัวร้อยละ -0.10.1 ต่อปี) เนื่องจากหลายประเทศในยุโรปมีแผนตัดลดงบประมาณในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่สหรัฐฯ เองก็ได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากการที่เศรษฐกิจยุโรปถดถอย ซึ่งจะทาให้การฟื้นตัวล่าช้าลงไปอีก และอัตราการว่างงานที่ยังคงอยู่ในระดับสูง (โดยในเดือน พ.ค. ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 8.28.2 ) สาหรับจีน เศรษฐกิจส่งสัญญาณชะลอตัวชัดเจน โดยเฉพาะภาคการผลิต เป็นเหตุให้รัฐบาลจาเป็นต้องดาเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการผ่อนคลายนโยบายการเงิน โดยเมื่อ 8 มิ.ย. ธนาคารกลางจีนประกาศลดดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.250.25 0.25 (อัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ 1 ปี ลดลงมาอยู่ที่ ร้อยละ 3.253.25 3.25 และ 6.31 .31 ต่อปี ตามลาดับ)
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group:
Fiscal Policy Office Tel. 02-273-9020 Ext.3665 : www.fpo.go.th