Macro Morning Focus ประจำวันที่ 24 สิงหาคม 2555
Summar
1. ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไทยจากญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ทางบริษัทเตรียมขยายโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนิคม จ.ชลบุรี ในปี 56
2. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของยูโรโซน (เบื้องต้น) เดือน ส.ค. 55 อยู่ที่ระดับ 46.6 ใกล้เคียงกับเดือนก่อน
3. ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ ที่ร้อยละ 0-0.25 ไปจนสิ้นปี 57
Highlight:
1. ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไทยจากญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ทางบริษัทเตรียมขยายโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนิคม จ.ชลบุรี ในปี 56
- บริษัท เดนโซ่อินเตอร์เนชั่นแนล เอเซีย จากัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไทยจากญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ทางบริษัทเตรียมขยายโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนิคม จ.ชลบุรี ในปี 56 ภายใต้งบลงทุน 3.2 พันล้านบาท
- สศค. วิเคราะห์ว่า การขยายฐานการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการผลิตของอุตสาหรรมยานยนต์ไทย ซึ่งปัจจุบันมีการเร่งการผลิตในระดับสูง หลังจากภัยพิบัติสึนามิในญี่ปุ่นและอุทกภัยในไทยในปี 54 ส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย บ่งชี้จากอัตราการใช้กาลังการผลิตภาคยานยนต์ในเดือน มิ.ย. 55 ที่ผ่านมา อยู่ที่ร้อยละ 107.1 ซึ่งสะท้อนว่าระดับการผลิตในปัจจุบันสูงกว่าความสามารถที่โรงงานจะรองรับ อันเป็นผลมาจากความต้องการทั้งภายในและภายนอกประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง บ่งชี้จากยอดขายรถยนต์ในประเทศ (รถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถยนต์เชิงพาณิชย์) เดือน ก.ค. 55 ที่ทาสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.32 แสนคัน และ ยอดการส่งออกรถยนต์ที่ 94,838 คัน ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ หรือคิดเป็นการขยายตัวร้อยละ 37.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อีกทั้งการเปิดโรงงานเพิ่มจะส่งผลดีต่อการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 14.3 ของกาลังแรงงานทั้งหมด
2. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของยูโรโซน (เบื้องต้น) เดือน ส.ค. 55 อยู่ที่ระดับ 46.6 ใกล้เคียงกับเดือนก่อน
- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของยูโรโซน (เบื้องต้น) เดือน ส.ค. 55 อยู่ที่ระดับ 46.6 ใกล้เคียงระดับของเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 46.5 โดยดัชนีฯ ของเยอรมนีอยู่ที่ระดับ 47.0 ในขณะที่ดัชนีฯ ของฝรั่งเศสปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับ 48.9 ทั้งนี้ หากแยกเป็นสาขาการผลิต พบว่าดัชนีฯ ภาคอุตสาหกรรม อยู่ที่ระดับ 45.3 ในขณะที่ดัชนีฯ ภาคบริการอยู่ที่ระดับ 47.5
- สศค. วิเคราะห์ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของยูโรโซน บ่งชี้ว่าสถานการณ์ภาคการผลิตภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการในกลุ่มยูโรโซนยังคงไม่มีแนวโน้มฟื้นตัวในระยะสั้น แม้ดัชนีฯ ดังกล่าวจะปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้าเล็กน้อย แต่ดัชนีฯ ที่อยู่ระดับต่ากว่า 50 ยังคงบ่งชี้ถึงการหดตัวอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรมหรือภาคบริการ ซึ่งเป็นหัวใจสาคัญของเศรษฐกิจยูโรโซน โดยมีสัดส่วนร้อยละ15.9 และร้อยละ 82.3 ของเศรษฐกิจยูโรโซน ตามลาดับ (สัดส่วนปี 54) บ่งชี้ว่าภาคเศรษฐกิจจริงของยูโรโซนมีความเป็นไปได้ที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยเชิงเทคนิค (Technical recession) ในไตรมาส 3 ปี 55 นี้ ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อมาตราการลดการขาดดุลการคลังของประเทศในกลุ่มในระยะต่อไป ทั้งนี้ สศค. คาดว่าเศรษฐกิจยูโรโซนในปี 55 นี้จะหดตัวร้อยละ -0.9 (ประมาณการ ณ มิ.ย. 55)
3. ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ ที่ร้อยละ 0-0.25 ไปจนสิ้นปี 57
- ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เผยแพร่รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) เมื่อวันที่ 31 ก.ค.- 1 ส.ค. 55 ซึ่งมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 0-0.25 ไปจนสิ้นปี 57 ตลอดจนให้ดาเนินมาตรการเพิ่มระยะเวลาไถ่ถอนเฉลี่ยของหลักทรัพย์ที่ FED ถืออยู่ไปจนถึงสิ้นปีนี้ ทั้งนี้ ในการประชุมฯ กรรมการหลายคนมีความเห็นว่า อาจมีความจาเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เว้นแต่ว่าเศรษฐกิจจะส่งสัญญาณการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง
- สศค. วิเคราะห์ว่า ความเห็นของกรรมการที่จะให้เพิ่มการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น เป็นผลมาจากภาพเศรษฐกิจที่ค่อนข้างแย่ในช่วงครึ่งแรกของปี 55 โดยอัตราการว่างงานอยู่สูงกว่าร้อยละ 8 ของกาลังแรงงานทั้งหมด ในขณะที่อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ชะลอลงจากร้อยละ 0.5 จากไตรมาสก่อนหน้า ในไตรมาสที่ 1 ปี 55 มาอยู่ที่ร้อยละ 0.4 จากไตรมาสก่อนหน้า ในไตรมาสที่ 2 ปี 55 ส่งผลให้คณะกรรมการฯ มองว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจที่ผ่านมายังไม่ประสบความสาเร็จนัก นอกจากนี้ ผลวิเคราะห์ของเจ้าหน้าที่ที่นาเสนอต่อที่ประชุมฯ ยังบ่งชี้ว่า FED สามารถขยายขนาดการเข้าซื้อสินทรัพย์ได้อีกมาก โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการทางานของตลาด อย่างไรก็ดี ภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหลังการประชุมฯ ซึ่งอาจส่งผลให้ การตัดสินใจกระตุ้นเศรษฐกิจของ FED ยังมีความไม่ชัดเจนในระยะต่อไป โดยยอดค้าปลีกในเดือน ก.ค. 55 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 จากเดือนก่อน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน ส่วนการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-farm payrolls) ในเดือนเดียวกันปรับสูงขึ้นถึง 163,000 อัตรา ทั้งนี้ ตลาดจับตามองการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ Jackson Hole ในช่วงปลายเดือน ส.ค. นี้ ซึ่งเมื่อ 2 ปีก่อน เคยส่งสัญญาณการดาเนินนโยบาย Quantitative Easing (QE) รอบที่ 2 มาแล้ว
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group:
Fiscal Policy Office Tel. 02-273-9020 Ext.3665 : www.fpo.go.th