Executive Summary
- ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ในเดือน ส.ค. 55 ขยายตัวที่ร้อยละ 19.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
- ดัชนีราคาสินค้าเกษตร ในเดือน ส.ค. 55 หดตัวร้อยละ -13.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
- นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยในเดือน ส.ค. 55 มีจำนวนทั้งสิ้น 1.93 ล้านคน ขยายตัวร้อยละ 11.5
- สภาพคล่องส่วนเกินของธนาคารพาณิชย์ในเดือน ก.ค. 55
- เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ 2.13 ล้านล้านบาท
- GDP ญี่ปุ่น ไตรมาส 2 ปี 55 (ตัวเลขปรับปรุง) ขยายตัวที่ร้อยละ 3.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
- การส่งออกจีน เดือน ส.ค. 55 ขยายตัวร้อยละ 2.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ในขณะที่การนำเข้าหดตัวร้อยละ -2.7
- ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจีน เดือน ส.ค. 55 ขยายตัวร้อยละ 8.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
- อัตราว่างงานสหรัฐฯ ในเดือน ส.ค. 55 ปรับลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 8.1 ของกำลังแรงงานรวม
- ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมสหภาพยุโรป เดือน ก.ค. 55 ขยายตัวร้อยละ 0.6 จากเดือนก่อน (ขจัดผลทางฤดูกาลแล้ว)
- วันที่ 13 ก.ย. 55 ธนาคารกลางเกาหลีใต้ ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 3.25
เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจยุโรปที่ยังคงมีความยืดเยื้อ ในขณะที่เศรษฐกิจจีนยังคงส่งสัญญาณชะลอตัวลง (สะท้อนได้จาก GDP ของจีนในครึ่งปีแรกที่ขยายตัวต่ำกว่าที่คาด) ประกอบกับต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้นจากราคาพลังงาน และการขาดแคลนแรงงานในบางอุตสาหกรรม ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ
- ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ในเดือน ส.ค. 55 ขยายตัวที่ร้อยละ 19.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เร่งขึ้นจากเดือนก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 15.3 ตามการเพิ่มขึ้นของผลผลิตในหมวดพืชผล และหมวดปศุสัตว์เป็นสำคัญ โดยเฉพาะข้าวและยางพารา ที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น หลังจากได้รับจากปัญหาน้ำท่วมในช่วงปลายปีที่แล้ว ในขณะที่ผลผลิตปศุสัตว์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากผลผลิตสุกรและไก่เนื้อ ที่ขยายตัวร้อยละ 9.5 และร้อยละ 5.9 ตามลำดับ ตามสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการเติบโตของสัตว์เลี้ยง ทั้งนี้ ในช่วง 8 เดือนแรกปี 55 ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ขยายตัวร้อยละ 5.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
- ดัชนีราคาสินค้าเกษตร ในเดือน ส.ค. 55 หดตัวร้อยละ -13.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ต่อเนื่องจากเดือนก่อนที่หดตัวร้อยละ -7.5 ตามการลดลงของราคาผลผลิตสำคัญ โดยเฉพาะยางพาราและปาล์มน้ำมัน เป็นสำคัญ โดยมีสาเหตุหลักมาจาก 1) ปัจจัยฐานสูงในปี 54 ที่ราคาสินค้าเกษตรขยายตัวในอัตราเร่ง 2) อุปสงค์ในตลาดโลกที่ลดลง ตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัว จากปัญหาวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปที่ส่งผลกระทบไปยังประเทศคู่ค้าหลักของไทยเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ในช่วง 8 เดือนแรกปี 55 ดัชนีราคาสินค้าเกษตร หดตัวร้อยละ -11.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
- นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยในเดือน ส.ค. 55 มีจำนวนทั้งสิ้น 1.93 ล้านคน ขยายตัวร้อยละ11.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และขยายตัวร้อยละ 5.0 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังหักผลทางฤดูกาล (mo-m SA) โดยเป็นการขยายตัวได้ดีในทุกกลุ่มประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันออกกลาง คิดเป็นการขยายตัวร้อยละ 18.4 5.1 และ 51.4 ตามลำดับ
- สภาพคล่องส่วนเกินของธนาคารพาณิชย์ในเดือน ก.ค. 55 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ 2.13 ล้านล้านบาท จากเงินฝากของธนาคารพาณิชย์เร่งขึ้นถึงร้อยละ 5.1 จากเดือนก่อนหน้า (หลังขจัดปัจจัยทางฤดูกาลแล้ว) ขณะที่สินเชื่อขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง แต่ในอัตราที่ชะลอกว่าเงินฝาก โดยอยู่ที่ร้อยละ 1.5 จากเดือนก่อนหน้า (หลังขจัดปัจจัยทางฤดูกาลแล้ว) ทั้งนี้ เงินฝากที่คาดว่าจะขยายตัวดีต่อเนื่อง จากการแข่งขันเพื่อระดมทุนของธนาคารพาณิชย์ที่ยังคงจะเข้มข้นต่อเนื่อง ขณะที่อุปสงค์ในประเทศที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น จะส่งผลให้สินเชื่อขยายตัวได้ต่อเนื่อง ส่งผลให้คาดว่า ในช่วงที่เหลือของปี 55 สภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์จะอยู่ในระดับใกล้เคียงปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ความเปราะบางของเศรษฐกิจโลก อาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก รวมถึงการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ ซึ่งอาจส่งผลต่อการขยายตัวของสินเชื่อ และภาพรวมของสภาพคล่องได้ในระยะต่อไป
- ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน ส.ค. 55 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 98.0 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 98.7 เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจยุโรปที่ยังคงมีความยืดเยื้อ ในขณะที่เศรษฐกิจจีนยังคงส่งสัญญาณชะลอตัวลง (สะท้อนได้จาก GDP ของจีนในครึ่งปีแรกที่ขยายตัวต่ำกว่าที่คาด) ประกอบกับต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้นจากราคาพลังงาน และการขาดแคลนแรงงานในบางอุตสาหกรรม ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ
Global Economic Indicators: This Week
- การจ้างงานนอกภาคเกษตร เดือน ส.ค. 55 เพิ่มขึ้น 96,000 ตำแหน่ง ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 141,000 ตำแหน่ง (ตัวเลขปรับปรุง) โดยการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมลดลง -15,000 ตำแหน่งจากอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นสำคัญ ในขณะที่การจ้างงานในภาคบริการเพิ่มขึ้น 119,000 ตำแหน่ง ทั้งนี้ อัตราว่างงานปรับลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 8.1 ของกำลังแรงงานรวม จากร้อยละ 8.3 ในเดือนก่อนหน้า ดุลการค้า เดือน ส.ค. 55 ขาดดุลเพิ่มขึ้นที่ -70.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการส่งออกที่ชะลอตัว
- มูลค่าการส่งออก เดือน ส.ค. 55 ขยายตัวร้อยละ 2.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน บ่งชี้ภาคการส่งออกที่ยังมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่อง มูลค่าการนำเข้าหดตัวร้อยละ -2.7 จากปีก่อน หดตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน สะท้อนอุปสงค์ในประเทศที่ชะลอตัว ทั้งนี้ การนำเข้าที่หดตัวและการส่งออกที่ยังขยายตัวทำให้ดุลการค้าเกินดุล 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้านอัตราเงินเฟ้อ เดือน ส.ค. 55 อยู่ที่ร้อยละ 2.0 จากปีก่อน อยู่ในระดับที่ธนาคารกลางสามารถใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ แต่ยังมีแรงกดดันต่อเงินเฟ้อจากราคาอาหารที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 5.9 ต่อปี ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน ส.ค. 55 ขยายตัวร้อยละ 8.9 จากปีก่อน ขยายตัวต่ำสุดตั้งแต่เดือน พ.ค. 52 จากคำสั่งซื้อสินค้าใหม่ที่ชะลอตัวลง ยอดค้าปลีก เดือน ส.ค. 55 ขยายตัวร้อยละ 13.2 จากปีก่อน ขยายตัวเร่งขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน ที่อยู่ที่ร้อยละ 13.1
- ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.ค. 55 กลับมาขยายตัวร้อยละ 0.6 จากเดือนก่อน (ขจัดผลทางฤดูกาลแล้ว) มีสาเหตุจากหมวดสินค้าทุนกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งในเดือน ก.ค. 55 ที่ร้อยละ 2.4 จากเดือนก่อนหน้า สะท้อนถึงภาคการผลิตในยูโรโซนที่กลับมาปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนยังคงหดตัวที่ร้อยละ -2.3
- GDP ไตรมาส 2 ปี 55 (ตัวเลขปรับปรุง) ขยายตัวที่ร้อยละ 3.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หรือขยายตัวร้อยละ 0.2 จากไตรมาสก่อน (ขจัดผลทางฤดูกาลแล้ว) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ส.ค. 55 ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 39.7 จุดในเดือนก่อนมาอยู่ที่ระดับ 40.5 จุด ทั้งนี้ยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 50 จุด เนื่องจากผู้บริโภคยังมีความกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังคงชะลอตัว
- มูลค่าการส่งออก เดือน ก.ค. 55 ขยายตัวในอัตราเร่งที่ร้อยละ 7.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการส่งออกสินค้าที่ไม่ใช่สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ ถ่านกัมมันต์ และส่วนประกอบโลหะ โดยสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักหดตัวร้อยละ -25.6
- อัตราการว่างงาน ไตรมาส 2 ปี 55 อยู่ที่ร้อยละ 2.0 ของกำลังแรงงานรวม ลดลงล็กน้อยจากร้อยละ 2.1 ในไตรมาสก่อน จากจำนวนการจ้างงานแรงงานที่ไม่มีทักษะที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ท่ามกลางการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศ
- มูลค่าการส่งออก เดือน ก.ค. 55 หดตัวร้อยละ -1.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน จากการส่งออกไปยังจีน (คู่ค้าอันดับ 1) หดตัวร้อยละ -13.1 ด้านมูลค่าการนำเข้า ขยายตัวร้อยละ 9.5 เร่งขึ้นจากเดือนก่อน จากการนำเข้าจากสิงคโปร์ที่ขยายตัวเป็นบวกที่ร้อยละ 4.8 ทำให้ดุลการค้าเกินดุลที่ 3.6 พันล้านริงกิต ด้านผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.ค. 55 ขยายตัวร้อยละ 1.5 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ชะลอลงจากเดือนก่อน จากการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมที่หดตัวร้อยละ -1.0
- ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.ค. 55 ขยายตัวเพียงเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.1 จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากผลิตในหมวดสินค้าทุนที่หดตัวต่อเนื่อง สะท้อนภาคการลงทุนที่ชะลอลง
- อัตราการว่างงาน เดือน ส.ค. 55 ทรงตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 3.0 ของกำลังแรงงานรวม โดยจำนวนผู้ว่างงานลดลง 2,000 คน สะท้อนอุปสงค์ในประเทศที่ยังคงขยายตัวได้ดี วันที่ 13 ก.ย. 55 ธนาคารกลางเกาหลีใต้ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 3.25 จากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะวิกฤตหนี้สาธารณะในยูโรโซน
- มูลค่าการส่งออก เดือน ก.ค. 55 หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ที่ร้อยละ -4.2 จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากการส่งออกไปยังสหภาพยุโรป จีน และสหรัฐฯ ที่หดตัวต่อเนื่อง ขณะที่มูลค่าการนำเข้า เดือน ก.ค. 55 หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ที่ร้อยละ -7.6 จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากการนำเข้าสินค้าเพื่อการผลิตเพื่อส่งออกที่ปรับตัวลดลง สอดคล้องกับดัชนีคำสั่งซื้อสินค้าส่งออกที่สะท้อนการหดตัวต่อเนื่อง
- ดัชนี SET ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง เกินระดับ 1,250 จุด โดย ณ วันที่ 13 ก.ย. 55 ดัชนีฯ ปิดที่ระดับ 1,257.7 จุด จากแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันในประเทศและบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ จากความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะประกาศทำมาตรการ QE3 ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ ทำให้นักลงทุนมีความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะสินทรัพย์ในภูมิภาคเอเชียมากขึ้น ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 10 - 13 ก.ย. 55 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ -120.2 ล้านบาท ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรของไทยปรับตัวสูงขึ้นในพันธบัตรช่วงอายุ 3 ปีขึ้นไป เนื่องจากนักลงทุนโดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติปรับพอร์ทการลงทุนเพื่อลงทุนในตราสารระยะสั้นมากขึ้น พร้อมทั้งเทขายตราสารระยะยาวเพื่อทำกำไรและเพื่อเข้าซื้อพันธบัตรรุ่น Benchmark โดยนักลงทุนชะลอการลงทุนเพิ่มเติมเพื่อรอดูท่าทีของ Fed ในการตัดสินใจทำมาตรการ QE3 ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 10 - 13 ก.ย. 55 นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,221.1 ล้านบาท
- ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น โดย ณ วันที่ 13 ก.ย. 55 ปิดที่ระดับ 30.99 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าเล็กหน้าร้อยละ 0.64 ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับค่าเงินสกุลหลักและสกุลเงินภูมิภาค ทั้งค่าเงินเยน ยูโร ริงกิตมาเลเซีย วอนเกาหลี ดอลลาร์สิงคโปร์ และเงินหยวน ทั้งนี้ ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นด้วยอัตราที่น้อยกว่าค่าเงินสกุลอื่นๆ ของคู่ค้า ทำให้ดัชนีค่าเงินบาท (NEER) ในสัปดาห์นี้อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากสัปดาห์ก่อนร้อยละ -0.39
- ราคาทองคำปรับสูงขึ้นมาก โดยราคาทองคำ ณ วันที่ 13 ก.ย. 55 ปิดที่ 1,766.3 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เพิ่มขึ้นมากจากต้นสัปดาห์ที่ปิดที่ 1,725.2 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th