รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 3 ธันวาคม 2555

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 3 ธันวาคม 2555

1. เซ็นฮ่องกงขายหอมมะลิ1แสนตัน

2. ธปท.เผย เศรษฐกิจไทยเดือนต.ค. 55 ขยายตัวดีจากการบริโภคและลงทุนภาคเอกชน

3. ผู้เชียวชาญคาดแบงก์จีนกำไรลดในปีหน้า

Highlight:

• รมว.กระทรวงพาณิชย์ประชุมร่วมกับสมาคมผู้ค้าข้าวและผู้ประกอบการค้า และเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจหรือเอ็มโอยูระหว่างผู้ส่งออกข้าวไทยและผู้นำเข้าข้าวของฮ่องกง จำนวน 9 ฉบับ โดยเป็นปริมาณข้าวหอมมะลิ จำนวน 100,000 ตัน ราคาเฉลี่ยตันละ 1,100 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 33,000 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาไทยครองอันดับ 1 ส่งออกไปฮ่องกง ปริมาณ 200,000 ตันต่อปี ขณะที่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เวียดนามเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดไปบ้างในตลาดนี้ ทำให้ภาพรวมการส่งออกข้าวในตลาดนี้โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหารที่ให้ความสำคัญกับราคาเป็นหลัก มีปริมาณการนำเข้าจากไทยลดลง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลพยายามจะเน้นการจัดกิจกรรมด้านการตลาดมากขึ้น โดยทำการตลาดกระตุ้นยอดขายในส่วนของตลาดผู้บริโภครายย่อย ซึ่งมีส่วนแบ่งในตลาดข้าวรวมของฮ่องกงร้อยละ 50 โดยเน้นการจัดกิจกรรมโปรโมทข้าวไทยตามห้างสรรพสินค้า และมีการแจกตัวอย่างข้าวหอมมะลิเพื่อเพิ่มความนิยม ซึ่งครั้งนี้จัดในห้างปาร์ค อิน ช็อป ระหว่างวันที่ 30 พ.ย.- 6 ธ.ค.นี้
• สศค. วิเคราะห์ว่า จากข้อมูลการส่งออกล่าสุดในเดือนต.ค. 55 พบว่ามูลค่าส่งออกข้าวโดยรวม 10 เดือนแรกหดตัวที่ร้อยละ -31.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นการส่งออกสะสม 5.6 ล้านตัน โดยมีตลาดหลักคือ ไนจีเรีย อิรัก และสหรัฐฯ โดยหากพิจารณาลงรายละเอียดจะพบว่า ยอดการส่งออกข้าวหอมมะลิในช่วง 10 เดือนแรกหดตัวเพียงร้อยละ -2.7 ในขณะที่ยอดการส่งออกข้าวขาวหดตัวถึงร้อยละ -39.1 ส่วนการส่งออกข้าวนึ่งหดตัวที่ร้อยละ -41.5 ทั้งนี้ หากมีการขายข้าวได้เพิ่มขึ้น จะมีส่วนช่วยกระตุ้นการส่งออกรวมของไทยในปี 55 ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะอุทกภัยในช่วงต้นปี และวิกฤติหนี้ยุโรป โดย สศค.ประมาณการมูลค่าการส่งออกในปี 55 จะสามารถขยายตัวได้ที่ร้อยละ 4.5 จากปีก่อน (คาดการณ์ ณ เดือน ก.ย. 55)

• ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ต.ค. 55 ว่าเศรษฐกิจในภาพรวมเติบโตจากการใช้จ่ายภาคเอกชนทั้งการบริโภคและการลงทุนที่ขยายตัวในเกณฑ์ดี สอดคล้องกับการผลิตของอุตสาหกรรมเพื่อจำหน่ายในประเทศที่ขยายตัว แต่การส่งออกสินค้ายังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก สำหรับเสถียรภาพเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี โดยอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง และอัตราเงินเฟ้อชะลอลงเล็กน้อยจากราคาอาหารเป็นสำคัญ
• สศค. วิเคราะห์ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในเดือน ต.ค. 55 ส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อน โดยเฉพาะภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่กลับมาขยายตัวเป็นบวกที่ร้อยละ 36.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หรือขยายตัวร้อยละ 4.9 จากเดือนก่อนหน้า (เมื่อขจัดผลทางฤดูกาลแล้ว) จากการขยายตัวอุตสาหกรรมที่เน้นการบริโภคในประเทศ อาทิ หมวดอาหารและหมวดยานยนต์ ตามการขยายตัวต่อเนื่องของอุปสงค์ในประเทศ โดยเฉพาะการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน โดยส่วนหนึ่งได้รับปัจจัยบวกจากความต่อเนื่องของนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ ในขณะที่ภาคการส่งออกเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวเช่นกัน โดยการส่งออกสินค้าในเดือน ต.ค.55 ขยายตัวร้อยละ 15.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หรือขยายตัวร้อยละ 1.4 จากเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 55 จะสามารถขยายตัวได้ตามที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 5.5 (คาดการณ์ ณ เดือน ก.ย. 55)

• นายโจว คุนผิง รองผู้จัดการทั่วไปของศูนย์วิจัยการเงินแห่งธนาคารแบงก์ ออฟ คอมมิวนิเคชั่นส์ คาดการณ์ว่า กำไรสุทธิของภาคธนาคารจีนจะขยายตัวช้าลงในปีหน้า โดยจะขยายตัวแบบเลขหลักเดียว อันเป็นผลมาจากการปฏิรูปดอกเบี้ยซึ่งเกิดขึ้นจากการที่ธนาคารกลางจีนลดดอกเบี้ย 2 ครั้งรวดในเดือนมิ.ย.และ ก.ค. เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
• สศค. วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจจีนในช่วงที่ผ่านมาขยายตัวในอัตราชะลอลง โดยล่าสุดในไตรมาส 3 เศรษฐกิจจีนขยายตัวร้อยละ 7.4 ชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 7.6 ดังนั้น รัฐบาลจีนจึงพยายามออกมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจีนให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เช่น การปฏิรูปดอกเบี้ย เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการลดดัตราดอกเบี้ยจำนองเพื่อกระตุ้นให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ขยายตัว ทั้งนี้ สศค. คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตร้อยละ 7.8 และ 8.5 ในปี 55 และ 56 ตามลำดับ (คาดการณ์ ณ เดือน ก.ย. 55)

ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance

Tel: 02-273-9020 Ext. 3257