รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 18 ธันวาคม 2555

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday December 18, 2012 11:09 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 18 ธันวาคม 2555

Summary:

1. รมว.พาณิชย์ประกาศเป้าส่งออกปี 56 โตร้อยละ 8 - 9 มูลค่า 2.5 แสนล้านดอลลาร์ ส่วนส่งออกปีนี้คาดโตร้อยละ 4.17

2. ศก.การเกษตรปี 55 ขยายตัวร้อยละ 4.0 คาดปี 56 โตร้อยลั 3.5 - 4.5

3. รีพับลิกันยอมปรับขึ้นภาษีคนรวยเพื่อผ่าทางตันปัญหาหน้าผาการคลัง

Highlight:

1. รมว.พาณิชย์ประกาศเป้าส่งออกปี 56 โตร้อยละ 8 - 9 มูลค่า 2.5 แสนล้านดอลลาร์ ส่วนส่งออกปีนี้คาดโตร้อยละ 4.17
  • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ ตั้งเป้าหมายการส่งออกของไทยในปี 56 ขยายตัวร้อยละ 8 - 9 โดยมีมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 2.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ การส่งออกของไทยในปีหน้าจะมุ่งเน้นไปยังตลาดอาเซียนและเอเชียมากขึ้น โดยเฉพาะอินเดียและจีน เนื่องจากเป็นตลาดที่ยังมีกำลังซื้อสูง ในขณะที่มีตลาดใหม่ที่น่าสนใจ คือ แอฟริกาใต้และตะวันออกกลาง ส่วนตลาดหลักเดิมอย่างสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ อาจจะยังไม่ฟื้นตัวเร็วนัก สำหรับยอดส่งออกในปี 55 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.17 เมื่อเทียบปีก่อน หรือมีมูลค่า 2.31 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยคาดว่าการส่งออกในเดือน พ.ย.-ธ.ค.55 จะมีมูลค่าเฉลี่ยเดือนละ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • สศค.วิเคราะห์ว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยในปี 56 จะได้รับปัจจัยสนับสนุนหลักจากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ทั้งเศรษฐกิจกลุ่มสหภาพยุโรปที่คาดว่าจะสามารถกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งหลังจากที่เผชิญภาวะหดตัวในปี 55 และเศรษฐกิจสหรัฐที่มีสัญญาณการฟื้นตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง ทั้งภาคอสังหาริมทรัพย์และภาคการผลิต โดย สศค.คาดว่าเศรษฐกิจของ 14 ประเทศคู่ค้าหลักของไทยในปี 56 จะขยายตัวได้เร่งขึ้นมาอยู่ที่ร้อยะ 3.9 เทียบกับปี 55 ที่อยู่ที่ร้อยละ 3.5 ทำให้มีความต้องการต่อสินค้าส่งออกของไทยเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องติดตามคือการปรับตัวของภาคการผลิตหลังจากในปี 56 จะมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาททั่วประเทศ ซึ่งอาจกระทบต่อต้นทุน และความสามารถในการแข่งขัน ทั้งนี้ สศค.คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าในปี 56 จะขยายตัวได้ร้อยละ 10.5 (ประมาณการ ณ ก.ย. 55)
2. ศก.การเกษตรปี 55 ขยายตัวร้อยละ 4.0 คาดปี 56 โตร้อยละ 3.5- 4.5
  • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยถึงการประมาณการอัตราการเติบโตของภาคเกษตรโดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ซึ่งพบว่าในปี 55 ขยายตัวประมาณร้อยละ 4.0 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากการผลิตสินค้าเกษตรโดยทั่วไปกลับเข้าสู่ภาวะปกติภายหลังอุทกภัยใหญ่ปลายปี 54 ประกอบกับสภาพดินฟ้าอากาศที่เอื้ออำนวย โดยเมื่อจำแนกเป็นรายสาขาพบว่า สาขาที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ สาขาพืช ซึ่งปี 55 ขยายตัวร้อยละ 5.5 เมื่อเทียบกับปี 54
  • สศค.วิเคราะห์ว่า ภาคการเกษตรมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องและส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากได้รับปัจจัยบวกจากนโยบายภาครัฐ โดยเฉพาะนโยบายรับจำนำข้าวและมันสำปะหลัง ส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้นและจูงใจให้เกษตรกรขยายพื้นที่เพาะปลูกมากขึ้น ประกอบกับสภาพภูมิอากาศที่ค่อนข้างเอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของพืชและสัตว์ ทำให้เกษตรกรที่อยู่ในภาคการเกษตรซึ่งมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 40 ของกำลังแรงงานรวมมีฐานะดีขึ้น สะท้อนได้จากรายได้ภาคครัวเรือนปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะรายได้เกษตรกรที่ปรับตัวดีขึ้นที่ร้อยละ 2.5 ในไตรมาสที่ 3 ปี 55 และจะเป็นปัจจัยสนับสนุนหลักให้การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่อง
3. รีพับลิกันยอมปรับขึ้นภาษีคนรวยเพื่อผ่าทางตันปัญหาหน้าผาการคลัง
  • นายโบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้ยอมรับการขึ้นอัตราภาษีสำหรับคนรวยแล้ว เพื่อทำลายอุปสรรคจากพรรครีพับลิกันในการทำข้อตกลงเพื่อยุติภาวะ fiscal cliff โดยดำเนินมาตรการปรับขึ้นภาษีและปรับลดงบรายจ่ายขนาด 6 แสนล้านดอลลาร์ของรัฐบาล ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในต้นปีหน้า โดยเสนอให้มีการต่ออายุอัตราภาษีที่ระดับต่ำสำหรับประชาชนทุกคนที่มีรายได้สุทธิต่อปีต่ำกว่า 1 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราภาษีสำหรับผู้ที่มีรายได้สุทธิต่อปีตั้งแต่ 1 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป
  • สศค.วิเคราะห์ว่า ปัจจุบันโครงสร้างอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของสหรัฐเป็นแบบอัตราก้าวหน้า 10% - 35% (ขณะที่อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลอยู่ที่ 35%) โดยรัฐบาลเรียกเก็บภาษีในลักษณะ Payrol tax ซึ่ง ทั้งผู้ว่าจ้างและลูกจ้างต้องจ่ายเงินคำนวณจากรายได้ของลูกจ้างทุกปีเพื่อให้มีรายได้ในการจ่ายเงินเข้าสู่กองทุนประกันสังคมและประกันสุขภาพ อย่างไรก็ดี ส่วน หนี่งของปัญหา Fiscal Cliff คือ เงินที่นำเข้ากองทุนจากภาษีดังกล่าวกำลังถูกนำไปใช้ไม่เหลือเก็บเอาไว้บรรเทาภาระให้กับชนรุ่นหลังเลย ดังนั้น แนวทางเลือกหนึ่งที่จะเยียวยาไม่ให้กองทุนประกันสังคมและประกันสุขภาพขาดทุนเพิ่มขึ้นไปอีก คือ การปรับขึ้นอัตราภาษีสำหรับผู้ที่มีรายได้สุทธิต่อปีตั้งแต่ 1 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป ตามที่นายโบห์เนอร์เสนอ

ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance

Tel: 02-273-9020 Ext. 3257


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ