รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 3 มกราคม 2556

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 3, 2013 10:51 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 3 มกราคม 2556

Summary:

1. พาณิชย์เผยเงินเฟ้อ ธ.ค.55 เพิ่มร้อยละ 3.6, คาดปี 55 อยู่ที่ร้อยละ 2.8 -3.4

2. ส่องกล้องหุ้นไทยปี 56 ขาขึ้น เป้าหมายดัชนี 1,450 จุด

3. ปัญหาหน้าผาการคลังของสหรัฐฯ คลี่คลายลงได้ในวินาทีสุดท้าย

Highlight:

1. พาณิชย์เผยเงินเฟ้อ ธ.ค. 55 เพิ่มร้อยละ 3.6 , คาดปี 55 อยู่ที่ร้อยละ 2.8 - 3.4
  • ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (อัตราเงินเฟ้อ) ในเดือนธ.ค. 55 สูงขึ้น 3.6 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้เงินเฟ้อตลอดปี 55 สูงขึ้นจากปีก่อน 3.0 ส่วนเป้าหมายปี 56 คาดว่า อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ร้อยละ 2.8-3.4 ภายใต้สมมติฐานราคาน้ามันดิบดูไบเฉลี่ย 100-120 ดอลลาร์สหรัฐ อัตราแลกเปลี่ยน 28.5-32.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และรัฐบาลยังคงมาตรการดูแลค่าครองชีพของประชาชน
  • สศค. วิเคราะห์ว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 55 ที่อยู่ที่ร้อยละ 3.0 ลดลงจากปี 54 ที่อยู่ที่ร้อยละ 3.8เนื่องจากราคาน้ามันและสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลง อันเป็นผลมาจากอุปสงค์น้ามันในตลาดโลกที่อ่อนแอลง ประกอบกับผลจากแนวทางการดูแลราคาน้ามันขายปลีกของภาครัฐ ทั้งนี้ สศค. คาดว่าอัตราเงินเฟ้อในปี 56 จะอยู่ที่ระดับร้อยละ 3.0 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 2.5 — 3.5) ภายใต้สมมติฐาน ราคาน้ามันดิบดูไบทรงตัวเฉลี่ย 108.0-118.0 ดอลลาร์สหรัฐ จากอุปทานน้ามันในตลาดโลกที่อาจเพิ่มขึ้น แต่ยังมีความเสี่ยงจากภัยพิบัติทางธรรมชาติที่อาจส่งผลให้ราคาธัญพืชโลกปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนจะอยู่ในช่วง 29.70 - 31.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
2. ส่องกล้องหุ้นไทยปี 56 ขาขึ้น เป้าหมายดัชนี 1,450 จุด
  • กลุ่มฟันด์เมเนเจอร์และบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ คาดว่าตลาดหุ้นไทยในปี 56 ยังมีแนวโน้มขาขึ้นและมีเป้าดัชนี 1,450 จุด โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยและผลักดันให้เกิดการลงทุนใหม่เพื่อรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) การใช้จ่ายในประเทศที่ขยายตัวได้ดี เงินทุนไหลเข้าในภูมิภาคเอเชียรวมทั้งตลาดหุ้นไทยที่มีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งกว่าประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปและสหรัฐ และอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่ายังทรงตัวอยู่ในระดับต่า
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของไทย (SET) ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.55 ที่ปิดตลาดที่ระดับ 1,391.93 จุด ปรับตัวสูงขึ้นถึงร้อยละ 35.8 จากต้นปี 55 และมีอัตราส่วนราคาหุ้นและกาไรต่อหุ้น (Price to Earning ratio : P/E Ratio) ที่ 18.25 เท่า สะท้อนถึงการเติบโตที่ดีของตลาดหุ้นไทยและความเชื่อมั่นของนักลงทุนตามการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย สาหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในปี 56 ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจไทยที่มีความแข็งแกร่งโดยเฉพาะปัจจัยสนับสนุนจากอุปสงค์ภาครัฐที่คาดว่าจะขยายตัวได้จากการเบิกจ่ายตามแผนบริหารจัดการน้าในระยะยาวของภาครัฐที่มีวงเงินลงทุนรวม 3.5 แสนล้านบาท โดยคาดว่าจะเริ่มทยอยลงทุนได้มากขึ้นในปี 56 การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันโดยการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือร้อยละ 20 ในปี 56 สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มเริ่มฟื้นตัวขึ้นตามลาดับ ทั้งนี้ สศค. คาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปี 56 จะขยายตัวร้อยละ 5.0 (ช่วงคาดการณ์ร้อยละ 4.5—5.5) ตามลาดับ (คาดการณ์ ณ เดือน ธ.ค.55)
3. ปัญหาหน้าผาการคลังของสหรัฐฯ คลี่คลายลงได้ในวินาทีสุดท้าย
  • ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แถลงขอบคุณหลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ทั้งพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน เห็นชอบกับร่างกฎหมายยืดเวลาการจัดเก็บภาษีคนชั้นกลางด้วยคะแนนเสียง 257 ต่อ 167 คะแนน โดยก่อนหน้านี้วุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ด้วยคะแนนเสียง 89 ต่อ 8 เสียง ในการบรรลุข้อตกลงร่างกฎหมายดังกล่าวนั้นทาให้รัฐบาลสหรัฐฯ สามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์ที่เรียกว่าหน้าผาการคลังได้อย่างหวุดหวิด เนื่องจากมาตรการลดหย่อนภาษีที่รัฐบาลนายจอร์จ ดับเบิ้ลยู.บุช อนุมัติใช้มาตั้งแต่ปี 46 เพื่อช่วยเหลือชาวอเมริกันที่มีรายได้ปานกลางและกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯครบกาหนดในเที่ยงคืนวันที่ 31 ธ.ค. 55 นอกจากนี้รัฐบาลสหรัฐฯยังหลีกเลี่ยงกับเผชิญกับมาตรการปรับลดลงประมาณรายได้หรือการขาดดุลภาครัฐแบบอัตโนมัติในวันที่ 2 ม.ค.56 อีกด้วย
  • สศค. วิเคราะห์ว่า การที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯเห็นชอบกับร่างกฎหมายดังกล่าวนี้ จะช่วยผ่อนคลายแรงกดดันในตลาดการเงินทั้งในสหรัฐฯและทั่วโลก เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯจะมีเวลา 2 เดือนในการหารือเพื่อแก้ปัญหาทั้งด้านการเพิ่มภาษีและตัดลดงบประมาณรายจ่ายทั้งงบท้องถิ่นและด้านการทหาร 109 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าสหรัฐฯ จะสามารถป้องกันการเกิด Fiscal Cliff ได้ แต่สหรัฐฯ จะยังคงต้องเดินหน้าแก้ไขปัญหาระดับหนี้สาธารณะที่สูงอย่างจริงจัง โดยระดับหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ จะชนเพดานหนี้ (Debt Ceiling) อีกครั้งในช่วงเดือนมีนาคม 2556 ซึ่งย่อมหมายความว่า ในเดือนมีนาคม สหรัฐฯ มีความเสี่ยงที่จะต้องเผชิญกับความขัดแย้งทางการเมืองอีกครั้ง ในการต่อรองปรับลดค่าใช้จ่ายภาครัฐให้เป็นที่พอใจของพรรคการเมืองทั้งสองพรรค จึงจะสามารถปรับเพิ่มเพดานหนี้ได้ สศค. คาดว่าในปี 56 เศรษฐกิจสหรัฐฯจะขยายตัวร้อยละ 2.2 ในปี 56 คาดการณ์ ณ เดือน ธ.ค.55

ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance

Tel: 02-273-9020 Ext. 3257


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ