Macro Morning Focus ประจำวันที่ 10 เมษายน 2556
Summary:
1. รัฐดึงผู้ผลิต-ผู้ค้าข้าวเข้าร่วมไทยแลนด์ไรซ์โชว์
2. เปิด พ.ร.บ. การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 รับลงทุน 2 ล้านล้านบาท
3. ผู้นำจีนชี้เศรษฐกิจจีนอาจไม่สามารถรักษาการเติบโตในระดับสูงต่อไปได้
Highlight:
1. รัฐดึงผู้ผลิต-ผู้ค้าข้าวเข้าร่วมไทยแลนด์ไรซ์โชว์
- อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเปิดเผยว่า ภาครัฐจะเชิญผู้แทนการค้าจากหน่วยงานภาครัฐจากประเทศผู้ผลิตและส่งออกผู้นำเข้าและผู้ประกอบการค้าข้าวนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตและค้าข้าวและสื่อมวลชนรวมประมาณ 500 คนจากกว่า 40 ทั่วโลก เข้าร่วมงานประชุม Thailand Rice Convention 2013 (TRC 2013 ) ครั้งที่ 6 ในวันที่ 26-28 พ.ค. 56 ที่ จ.เชียงใหม่ โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้ไทยเป็นผู้นำการค้าข้าวของอาเซียนรองรับการเปิด AEC การร่วมหารือถึงสถานการณ์และแนวโน้มการค้าข้าวของเอเชีย-โลก มรวมถึงปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการค้าข้าวโดยมีผู้เชี่ยวชาญจากทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วม การจัดนิทรรศการเผยแพร่ข้าวของไทย และการเจรจาธุรกิจการค้าข้าวไทย
- สศค. วิเคราะห์ว่า วิเคราะห์ว่า การจัดงานประชุม Thailand Rice Convention 2013 (TRC 2013) ของไทยจะช่วยสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ผู้ร่วมประชุมในเรื่องความหลากหลายของพันธุ์ข้าวไทย และศักยภาพของข้าวไทยทั้งในด้านการผลิต การค้าและการส่งออกที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก นอกจากนี้ การหารือร่วมกันถึงสถานการณ์ตลาดการค้าข้าวจะทำให้ไทยสามารถทราบแนวทางต่างๆ และใช้วางแผนกลยุทธ์ด้านการตลาดข้าวไทยในการขยายตลาดข้าวไทยให้มากขึ้น ตลอดจนจะช่วยเปิดโอกาสให้ผู้นำเข้าข้าว ผู้ประกอบการค้าข้าว และผู้ส่งออกข้าว ได้พบปะเจรจาการค้ากัน ซึ่งจะพัฒนาไปสู่การซื้อขายข้าวที่เป็นรูปธรรมในอนาคต ขณะเดียวกันรัฐบาลก็สามารถเจรจาการค้าข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับรัฐบาลต่างประเทศที่มาเข้าร่วมประชุมดังกล่าวได้ ทั้งนี้ รมต. พาณิชย์ ได้เปิดเผยแผนการระบายข้าวสต็อกรัฐบาลล่าสุดในปี 56 ว่า จะมีการระบายข้าวออกไปได้อีก 6-7 ล้านตัน ในลักษณะของการระบายผ่านรูปแบบจีทูจี ซึ่งขณะนี้มีรัฐบาลต่างประเทศที่สนใจซื้อข้าวจากไทยเพิ่มเติมคือ ไนจีเรียและประเทศในทวีปแอฟริกา
2. เปิด พ.ร.บ. การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 รับลงทุน 2 ล้านล้านบาท
- พระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 (พ.ร.บ.) ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 3 เม.ย. 56 โดยมีเจตนารมณ์เพื่อให้การร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชนเป็นไปอย่างมีมาตรฐาน โปร่งใส และมีความชัดเจนในการดำเนินการ
- สศค. วิเคราะห์ว่า กฎหมายว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐที่มีผลบังคับใช้ในอดีตนั้นมีหลักเกณฑ์บางประการที่ไม่ชัดเจนก่อให้เกิดปัญหาในการบังคับใช้กฎหมายและการตีความกฎหมาย ประกอบกับในปัจจุบันประเทศไทยมีความจำเป็นต้องจัดทำโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก ดังนั้น การที่ พ.ร.บ. มีผลบังคับใช้จึงเป็นหนึ่งในทางเลือกในการระดมเงินทุนของรัฐบาล ซึ่งจะช่วยการประหยัดงบประมาณของรัฐบาลและช่วยลดภาระหนี้สาธารณะของรัฐบาล และจะเป็นการแบ่งเบาภาระการคลังของรัฐบาลในระยะยาว รวมทั้งเป็นการช่วยพัฒนาตลาดการเงินและช่วยสร้างความโปร่งใสให้กับการระดมเงินของรัฐบาล ทั้งนี้ ภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศจะมีการระดมเงินส่วนหนึ่งโดยให้เอกชนร่วมลงทุน (Public - Private Partnerships: PPPs)
3.ผู้นำจีนชี้เศรษฐกิจจีนอาจไม่สามารถรักษาการเติบโตในระดับสูงต่อไปได้
- ประธานาธิบดีจีน กล่าวว่า จีนอาจจะไม่สามารถรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบสูงลิ่วไว้ได้ แต่ยังมีความเป็นไปได้ที่จีนจะรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับที่ค่อนข้างสูงไว้ได้ เพราะเศรษฐกิจจีนมีสภาพค่อนข้างดี โดยจีนมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยร้อยละ 9.9 ตั้งแต่เริ่มเปิดกว้างเศรษฐกิจ โดยเมื่อปีที่แล้วเศรษฐกิจจีนโตต่ำสุดในรอบ 13 ปี ที่ร้อยละ 7.8 ต่อปีเพราะความอ่อนแอของเศรษฐกิจในประเทศบวกกับความอ่อนแอในตลาดส่งออกที่สำคัญๆ ส่วนหนึ่งเพราะความพยายามของทางการในควบคุมการเติบโตทางเศรษฐกิจและการเร่งเปลี่ยนรูปแบบการเติบโต อย่างไรก็ตาม จีนได้เริ่มกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนโดยตรงกับออสเตรเลีย โดยไม่อาศัยดอลลาร์สหรัฐเป็นตัวกลางซึ่งจะเป็นผลดี อันจะช่วยอำนวยความสะดวกด้านการค้าและลดต้นทุนการทำธุรกรรม ทำให้เงินหยวนเป็นสากล และ สถานภาพและอิทธิพลของเงินหยวนในระดับโลก
- สศค. วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจจีนได้รับการพัฒนาอย่างเร็ว หลังจากมีการการปฏิรูปและเปิดประเทศโดยมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจเฉลี่ยประมาณร้อยละ 10 ต่อปี นับจากปี 2521 อย่างไรก็ตามแม้ว่า ปีที่ผ่านมาจะเป็นปีแรกที่เศรษฐกิจจีนมีการขยายตัวเฉลี่ยต่ำสุดในช่วง 3 ทศวรรษอยู่ที่ร้อยละ 7.8 แต่เศรษฐกิจจีนนับว่ามีขนาดที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์จากองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ว่าเศรษฐจีนจะขึ้นเป็นอันดับ 1 ของโลกในปี 2559 ทั้งนี้ สศค. คาดว่า ปี 2556 เศรษฐกิจจีนจะมีการขยายตัวอยู่ที่ระดับร้อยละ 8.2 ต่อปี
ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance
Tel: 02-273-9020 Ext. 3257