รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 4 มิถุนายน 2556

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday June 4, 2013 13:35 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 4 มิถุนายน 2556

Summary:

1. พาณิชย์เผยเงินเฟ้อทั่วไปเดือน พ.ค. อยู่ที่ร้อยละ 2.27

2. รมว.พลังงาน ยันปรับราคา LPG ภาคครัวเรือน เริ่ม 1 ก.ค. นี้

3. นักลงทุนจีนซื้ออสังหาฯนิวยอร์ก

Highlight:

1. พาณิชย์เผยเงินเฟ้อทั่วไปเดือน พ.ค. อยู่ที่ร้อยละ 2.27
  • ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป(CPI) เดือน พ.ค.56 อยู่ที่ 105.15 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.27 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.24 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า) ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ร้อยละ 2.40 ในขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารสด และพลังงานอยู่ที่ 102.98 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.94 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.05 จากเดือน เม.ย.56 ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อในไตรมาส 2/56 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 จากช่วงเดียวกันปีก่อน และคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อทั้งปี 56 อยู่ในกรอบประมาณการที่ ร้อยละ 2.8-3.4
  • สศค. วิเคราะห์ว่า อัตราเงินเฟ้อเดือน พ.ค. 56 อยู่ที่ร้อยละ 2.3 ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แสดงให้เห็นถึงแรงกดดันเงินเฟ้อที่ลดลง เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลง ประกอบกับการแข็งค่าของเงินบาท ทำให้ราคาน้ำมันในประเทศปรับตัวลดลง อย่างไรก็ดี หากพิจารณาอัตราการขยายตัว (%mom )พบว่าดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปขยายตัวเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 0.24 จากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 0.16 สาเหตุหลักจากสินค้าสำคัญหลายหมวดที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ผักและผลไม้ ไข่ และเนื้อสัตว์ เป็ดไก่ เป็นต้น เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ส่งผลให้ผลผลิตได้รับความเสียหาย ปริมาณสินค้าที่เข้าสู่ตลาดลดลงส่งผลให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 8.8 และ 0.6 ตามลำดับ ทั้งนี้ สศค.คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 56 จะอยู่ที่ร้อยละ 3.0 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 2.5 ถึง 3.5)
2. รมว.พลังงาน ยันปรับราคา LPG ภาคครัวเรือน เริ่ม1 ก.ค. นี้
  • รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า จะมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสัปดาห์หน้า เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบ ให้มี ความสอดคล้อง และเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน รวมถึงราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) ตลอดจนราคาน้ำมันทุกประเภทด้วย เพื่อให้ราคาพลังงานทุกชนิดในประเทศ มีเสถียรภาพมากขึ้น ไม่ผันผวนตามราคาตลาดโลก ส่วนการปรับราคา LPG ภาคครัวเรือน ยืนยันว่า จะเริ่มได้ในวันที่ 1 ก.ค. นี้ เพื่อให้โครงสร้างราคามีความชัดเจนมากขึ้น พร้อมกล่าวถึงแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของไทย (PDP2013) ว่า ไทยจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมในปี 73 ที่ระดับ 7 หมื่นเมกะวัตต์ จาก 3.1 หมื่นเมกะวัตต์ในปัจจุบัน
  • สศค. วิเคราะห์ว่า การปรับโครงสร้างราคาพลังงานจะทำให้ราคาพลังงานต่างๆสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ไม่บิดเบือนกลไลตลาดจนทำให้เกิดการบริโภคอย่างฟุ่มเฟื่อย และนำไปใช้งานอย่างผิดวัตถุประสงค์ นอกจากนั้นยังจะทำให้สถานะของกองทุนน้ำมันมีความมั่นคง และทำหน้าที่เพื่อรักษาเสถียรภาพด้านราคาอย่างแท้จริง โดยจะอุดหนุนเฉพาะกลุ่มประชากรที่มีรายได้น้อย ซึ่งคาดว่าหลังจากมีการปรับโครงสร้างราคา LPG แล้วจะทำให้ใช้เงินในการอุดหนุนเชื้อเพลิงในกลุ่มก๊าซเพียงเดือนละร้อยล้านบาท เปรียบเทียบกับปัจจุบันที่ต้องอุดหนุนถึงเดือนละ 3,000 ล้านบาท อย่างไรก็ดี การปรับขึ้นราคา LPG จะส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อบ้าง โดย สศค.คาดว่าหากมีการปรับขึ้นราคาในเดือน ก.ค. 56 จะทำให้อัตราเงินทั่วไปในปี 56 เพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมร้อยละ 0.02 มาอยู่ที่ร้อยละ 3.02
3. นักลงทุนจีนซื้ออสังหาฯนิวยอร์ก
  • ซันเกต ทรัสต์ ของจีน ร่วมกับเอ็ม ซาฟรา แอนด์ โค บริษัทลงทุนจากตระกูลซาฟราของบราซิล ซื้อหุ้นร้อยละ 40 ในอาคารเจนเนอรัล มอเตอร์ส ซึ่งตัวอาคารมีมูลค่า 3.4 พันล้านดอลลาร์ ข้อตกลงนี้ทำให้อาคารพื้นที่ 2 ล้านตารางฟุต สูง 50 ชั้น มองออกไปเห็นเซ็นทรัล พาร์คของนิวยอร์ค กลายเป็นอาคารสำนักงานที่แพงที่สุดในสหรัฐ โดยข้อตกลงเสร็จสิ้นในวันศุกร์ที่ผ่านมา และมีขึ้นหลังจากบริษัทฉางฮุ่ย อินเตอร์เนชันแนล โฮลดิงส์ ซื้อบริษัทผลิตเนื้อหมู "สมิธฟิลด์ ฟูดส์" มูลค่า 4.7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งหากได้รับการอนุมัติ ก็จะเป็นการครอบครองบริษัทสหรัฐโดยบริษัทจากจีนครั้งใหญ่ที่สุด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ตระกูลจางเข้าซื้อหุ้นร้อยละ 49 ในพาร์ค อเวนิว พลาซ่าเมื่อปี 2554 เป็นเงินเกือบ600 ล้านดอลลาร์
  • สศค. วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจจีนขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้ประชากรมีรายได้สูงขึ้น จึงมีความต้องการสินค้าต่างๆ เพิ่มขึ้น รวมทั้งตลาดอสังหาริมทรัพย์ซึ่งขยายตัวต่อเนื่องเช่นกัน โดยเฉลี่ยแล้วมูลค่าคลาดอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 20.0 ต่อปี ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา (จากที่มีมูลค่า 47.4 พันล้านหยวนในปี 2531 เพิ่มขึ้นเป็น 1,865.5 พันล้านหยวน ในปี 2552) ดังนั้น นักลงทุนในภาคอสังหาฯ ของจีนบางส่วนจึงเริ่มหันมาลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐ โดยการลงทุนของจีนในภาคอสังหาริมฯ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา (นับจากปัญหาซับไพร์มในสหรัฐ ที่ส่งผลให้ราคาอสังหาฯลดลงมาก)

ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance

Tel: 02-273-9020 Ext. 3257


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ