รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 17 กรกฎาคม 2557

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 17 กรกฎาคม 2557

1. กรมการท่องเที่ยวเปิดเผย นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในเดือน มิ.ย.57 หดตัวร้อยละ -24.4 ต่อปี

2. BOI เผยยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนในช่วง 6 เดือนแรกของปี 57 ลดลงร้อยละ -43.7

3. จีนเผยเศรษฐกิจโตร้อยละ 7.5 ดีกว่าที่คาด

• กรมการท่องเที่ยวเปิดเผย สถานการณ์นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในเดือน มิ.ย.57 ว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 1.56 ล้านคน คิดเป็นการหดตัวร้อยละ -24.4 ต่อปี โดยเป็นการหดตัวของนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย และมาเลเซียเป็นหลัก ส่งผลทำให้ครึ่งปีแรกของปี 57 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทย ทั้งสิ้น 11.8 ล้านคน คิดเป็นการหดตัวร้อยละ -10.2 ต่อปี
• สศค. วิเคราะห์ว่า นักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทยเดือน มิ.ย.57 มีจำนวนทั้งสิ้น 1.56 ล้านคน หดตัวร้อยละ -24.4 ต่อปี และหดตัวร้อยละ -12.0 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือน พ.ค. หลังหักผลทางฤดูกาล (m-o-m SA) ส่งผลทำให้ไตรมาสที่ 2 ปี 57 มีจำนวนทั้งสิ้น 5.32 ล้านคน หดตัวร้อยละ -12.3 ต่อปี และหดตัวร้อยละ -2.2 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 1 ปี 57 หลังหักผลทางฤดูกาล (q-o-q SA) โดยนักท่องเที่ยวที่หดตัวมากที่สุดได้แก่ กลุ่มเอเชีย ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวระยะใกล้ ขณะที่นักท่องเที่ยวกลุ่มยุโรปยังคงขยายตัว อย่างไรก็ตาม สศค. คาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะเริ่มกลับคืนสู่ภาวะปกติอีกครั้งในเดือน ส.ค. 57 ซึ่งเป็นฤดูการเดินทางของนักท่องเที่ยวระยะใกล้ ทั้งจากอาเซียน และเอเซียตะวันออกเฉียงเหนือ โดยคาดว่า จำนวนท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยทั้งปี 57 จะยังสามารถขยายตัวร้อยละ 3.5 ต่อปี และคาดว่าจะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวต่างประเทศประมาณ 1.28 ล้านล้านบาท หรือขยายตัวร้อยละ 6.5 ต่อปี

• เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เปิดเผยว่า การยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนในช่วง 6 เดือนแรกของปี 57 มีจำนวน 534 โครงการ ลดลงร้อยละ -34.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีเงินลงทุนรวม 337,400 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -43.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกิจการที่ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา กระจายอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง กลุ่มกิจการบริการและสาธารณูปโภค กลุ่มกิจการเคมี กระดาษและพลาสติก เป็นต้น
• สศค. วิเคราะห์ว่า แม้ว่าภาพรวมของยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนในช่วง 6 เดือนแรกของปี 57 จะหดตัวลง แต่หากพิจารณายอดขอรับส่งเสริมการลงทุนเป็นรายเดือนจะพบว่ามีทิศทางดีขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 57 - มิ.ย. 57 สะท้อนจากโครงการที่ขอรับส่งเสริมการลงทุนในช่วง 2 เดือนนี้ที่มีคำขอสูงกว่าในช่วงก่อนหน้า โดยมียอดขอรับส่งเสริมลงทุน 119 โครงการ และ 132 โครงการ ตามลำดับ โดยเฉพาะยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนในเดือน มิ.ย. 57 ที่มีสูงที่สุดในรอบ 6 เดือน ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีของการลงทุนที่สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนที่เคยชะลอการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนจากปัญหาสถานการณ์ทางการเมืองที่ยืดเยื้อในช่วงที่ผ่านมาได้เริ่มกลับมามีความเชื่อมั่นและทยอยยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนมากขึ้นแล้ว สำหรับการยื่นขอรับส่งเสริมทางตรงจากต่างประเทศ (Foreign direct investment : FDI) พบว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน โดยมีการยื่นขอรับส่งเสริมในเดือน มิ.ย. 57 จำนวน 82 โครงการ สูงขึ้นกว่าเดือน พ.ค. 57 ที่มีจำนวน 73 โครงการ และเดือน เม.ย. 57 ที่มีจำนวน 69 โครงการ ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยที่เริ่มมีทิศทางฟื้นตัวดีขึ้นภายหลังจากสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความชัดเจน และปัจจัยสนับสนุนจากความชัดเจนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการเร่งรัดการเบิกจ่ายภาครัฐถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังของปี 57 และสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนในการตัดสินใจขยายการลงทุน ทั้งนี้ สศค. คาดว่า การลงทุนภาคเอกชน (ณ ราคาคงที่) ในปี 57 จะขยายตัวร้อยละ 1.9 (คาดการณ์ ณ เดือน มี.ค. 57) และจะมีการปรับประมาณการอีกครั้งในวันที่ 30 ก.ค. 57

• สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนเปิดเผย อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ร้อยละ 7.5 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ดีกว่าเมื่อไตรมาสที่ 1 ที่เติบโตอยู่ที่ร้อยละ 7.4 และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า จะเติบโตอยู่ที่ระดับ7.4 และเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อน มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 2 ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเติบโตกว่าไตรมาสก่อนร้อยละ 1.8 และดีกว่า ไตรมาสก่อนหน้านี้ที่มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 1.4 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
• สศค. วิเคราะห์ว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนที่เติบโตได้ดีในไตรมาสนี้ เนื่องมาจาก การลงทุนของภาครัฐฯทำให้เกิดการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น นอกจากนั้น ธนาคารกลางของจีนได้ผ่อนคลายนโยบายทางการเงินปล่อยให้มีการปล่อยเงินกู้ได้อิสระมากขึ้นในไตรมาสที่ 2 เพื่อพยุงความซบเซาและการตกต่ำของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หลังจากที่ทางการจีนเข้าควบคุมอย่างเข้มงวดเมื่อไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมา เพื่อป้องกันสถานการณ์ฟองสบู่ที่จะเกิดขึ้น นอกจากนี้ ผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้นร้อยละ9.2 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะที่การลงทุนในสินทรัพย์คงที่เติบโตขึ้นร้อยละ17.3 สำหรับในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ และรวมทั้งยอดการค้าปลีกในเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้นร้อยละ12.4 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance

Tel: 02-273-9020 Ext. 3257