รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 6 พฤศจิกายน 2557

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday November 6, 2014 11:53 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 6 พฤศจิกายน 2557

Summary:

1.กนง.มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 2.00 ต่อปี

2. รองนายกรัฐมนตรีคาด GDP ปีนี้โตร้อยละ 1.9 - 2.0

3. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เจรจารัฐบาลจีนยืดระยะเวลาปรับสัดส่วนการผลิตยางคอมปาวด์

1.กนง.มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 2.00 ต่อปี
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย เผยมติของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ว่ามีมติ 6 ต่อ 1 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 2.00 ต่อปี เนื่องจาก ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องในปีหน้า นโยบายการเงินที่ผ่อนปรนในปัจจุบันไม่เป็นอุปสรรคต่อ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และสอดคล้องกับการรักษาเสถียรภาพทางการเงินในระยะยาว
  • สศค. วิเคราห์ว่า การที่ กนง. มีมติคงดอกเบื้ยนโยบายที่ร้อยละ 2 เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีเสถียรภาพอยู่ในเกณฑ์ดี โดยอัตราการว่างงานล่าสุดอยู่ในเดือน ก.ย 57 อยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 0.8 ของกำลังแรงงานทั้งหมด ขณะที่ เงินเฟ้อทั่วไปและพื้นฐานล่าสุดในเดือน ต.ค. 57 อยู่ที่ร้อยละ 1.5 และ1.7 ตามลำดับ ลดลงตามราคาพลังงานหลังจากมีการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันขาย ปลีกในประเทศ ประกอบกับไม่มีแรงกดดันเงินเฟ้อจากด้านอุปสงค์ นอกจากนี้ เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยล่าสุดเริ่มมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากอุปสงค์ภายในประเทศโดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชน ขณะที่ด้านอุปสงค์จากต่างประเทศผ่านการส่งออกยังคงมีสัญญาณชะลอตัว แม้ว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าจะสามารถกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ในเดือนก.ย. 57 ที่ร้อยละ 3.2 ต่อปี ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปรับตัวดีขึ้นโดยหดตัวลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 7.0 ต่อปี ทั้งนี้ สศค. คาดการณ์ ณ เดือน ต.ค. ว่าเศรษฐกิจไทย ในปี 57 และ 58 จะขยายตัวในช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 1.2 - 1.7 และ 3.6-4.6 ต่อปี ตามลำดับ
2. รองนายกรัฐมนตรีคาด GDP ปีนี้โตร้อยละ 1.9 - 2.0
  • ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในงานสัมมนา "ประเทศไทยกับการพัฒนาเพื่อก้าวไปสู่ Trading Nation" โดยระบุว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 58 คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ที่ประมาณร้อยละ 4 ต่อปี ขณะที่เศรษฐกิจไทยในปี 57นี้ คาดว่าจะขยายตัวประมาณร้อยละ 1.9 - 2.0 จากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐเป็นหลัก
  • สศค. วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3 ปี 57 มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากอุปสงค์ภายในประเทศโดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนได้จากยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ในไตรมาสที่ 3 ปี 57 ขยายตัวได้ร้อยละ 2.3 ต่อปี และเมื่อขจัดผลทางฤดูกาลออก (q-o-q SA) พบว่า ขยายตัวร้อยละ 0.7 ต่อไตรมาส ตามการเพิ่มขึ้นของภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บจากฐานการบริโภคภายในประเทศที่ขยายตัวร้อยละ 5.6 ต่อปี แต่อย่างไรก็ดี แนวโน้มเศรษฐกิจไทยได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลโดยเฉพาะมาตรการการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 58 ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี 57 สามารถขยายตัวในอัตราเร่งได้ ในขณะที่มาตรการการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญต่ออุปสงค์ในประเทศให้ขยายตัวต่อเนื่องในปี 58 ทั้งนี้ สศค. คาดว่า เศรษฐกิจไทยในปี 57 คาดว่าจะสามารถขยายตัวได้ร้อยละ 1.4 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 1.2 - 1.7) สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 58 คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 4.1 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.6 - 4.6) โดยได้รับแรงส่งของการใช้จ่ายภาครัฐที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น(คาดการณ์ ณ 30 ต.ค. 57)
3. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เจรจารัฐบาลจีนยืดระยะเวลาปรับสัดส่วนการผลิตยางคอมปาวด์
  • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า การเจรจาผ่านทางทูตพาณิชย์จีนในการขอยืดระยะเวลาการปรับสัดส่วนการผลิตยางคอมปาวด์ตามข้อกำหนดใหม่ของจีนที่จะนำเข้ายางคอมปาวด์จากประเทศต่างๆ ในสัดส่วนยางธรรมชาติต้องไม่เกินร้อยละ 88 และอีกร้อยละ 12 คือส่วนผสมอื่นตามเงื่อนไข โดยประเทศไทยจะลงทุนและการพัฒนาปรับปรุงการผลิตยางคอมปาวด์ให้ตรงตามความต้องการของจีน โดยขอยืดระยะเวลาออกไปอีก 1 ปี
  • สศค. วิเคราะห์ว่า จีนถือเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของประเทศไทย ซึ่งมูลค่าการส่งออกสินค้าจากไทยไปจีนในปี 56 คิดเป็นร้อยละ 11.9 ของมูลค่าการส่งออกสินค้ารวม โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 57 ไทยส่งออกสินค้าเกษตรไปจีนประมาณ 4,590.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็นร้อยละ 24.7 ของมูลค่าการส่งออกรวม โดยเป็นการส่งออกยางพาราประมาณ 2,092.2 ล้านเรียญสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ -5.0 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปริมาณการส่งออกยางพาราปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ราคาส่งออกยางพาราปรับลดลงถึงร้อยละ 26.4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ ในปัจจุบันไทยส่งออกยางคอมปาวด์ไปจีนประมาณ 7 แสนตัน/ปี ขณะที่การส่งออกยางทั้งหมดไปจีนประมาณ 3 ล้านตัน ดังนั้น หากจีนจะเริ่มดำเนินการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ใหม่ที่กำหนดไว้ว่าจะเริ่มในวันที่ 1 ม.ค. 58 อาจจะได้รับผลกระทบอยู่บ้าง แต่ไม่ใช้สัดส่วนที่มากนัก อย่างไรก็ตาม การที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เจรจากับรัฐบาลจีนเพื่อขอยืดระยะเวลาออกไปอีก 1 ปี จะเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อการค้าขายระหว่างสองประเทศให้มากยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยบรรเทาผลกระทบในเรื่องปริมาณการส่งออกของไทย

ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance

Tel: 02-273-9020 Ext. 3257


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ