Macro Morning Focus ประจำวันที่ 8 มกราคม 2558
Summary:
1. ม.หอการค้าเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ธ.ค.อยู่ที่ 81.1 สูงรอบ 18 เดือน
2. ก. พาณิชย์เตรียมนัดผู้ประกอบการปรับลดราคาสินค้า
3. จีนอนุมัติโครงการโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 37.75 ล้านล้านบาท หวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
1. ม.หอการค้าเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ธ.ค.อยู่ที่ 81.1 สูงรอบ 18 เดือน
- ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ธ.ค.57 อยู่ที่ 81.1 จาก 79.4 ในเดือน พ.ย.57 เป็นการปรับตัวดีขึ้นสูงสุดในรอบ 18 เดือน ดัชนีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 70.5 จาก 68.8 ในเดือนก่อนหน้า หลังจากราคาน้ำมันปรับตัวลดลง
- สศค. วิเคราะห์ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน ธ.ค. 57 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า สะท้อนถึงแนวโน้มความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมปรับตัวดีขึ้น โดยมีปัจจัยบวกมาจาก 1. การคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 2 ของ กนง. 2. ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศที่ปรับตัวลดลงทำให้ต้นทุนราคาสินค้าปรับตัวลดลง และ 3.ความต่อเนื่องของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะเม็ดเงินที่สนับสนุนเกษตรกรรวมถึงโครงการลงทุนซ่อมสร้างต่างๆ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการจ้างงาน ทั้งนี้ สศค. คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 58 มีแนวโน้มขยายตัวในอัตราเร่งขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 4.1 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.6 - 4.6) คาดการณ์ ณ 30 ต.ค. 57
2. ก. พาณิชย์เตรียมนัดผู้ประกอบการปรับลดราคาสินค้า
- กระทรวงพาณิชย์ เตรียมนัดหารือผู้ประกอบการสินค้ากลุ่มต่างๆ ถึงการปรับลดราคาสินค้า หลังจากที่ราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งเป็นต้นทุนการผลิตและการขนส่งได้ปรับลดลงมามาก โดยกลุ่มสินค้าที่จะขอความร่วมมือให้ปรับลดราคา อาทิ กลุ่มเหล็ก ปูนซีเมนต์ วัสดุก่อสร้าง และปุ๋ยเคมี รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภครายการอื่นๆ ที่มีน้ำหนักเบา
- สศค. วิเคราะห์ว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาน้ำมันในประเทศลดลง โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งเป็นต้นทุนหลักของค่าขนส่งสินค้าที่จะลดลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันที่ลดลงต่อภาระค่าครองชีพของผู้บริโภคในปี 58 ทั้งนี้ ก.พาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับลดลงต่อราคาสินค้า พบว่า ราคาน้ำมันดีเซลที่ลดลงจากลิตรละ 29.99 บาท เหลือ 26.89 บาท ซึ่งลดลงไป 3.10 บาท คิดเป็นลดลง 10.34% ส่งผลกระทบต่อต้นทุนและราคาสินค้าอุปโภคบริโภคเพียงเล็กน้อย และไม่มีนัยสำคัญ อีกทั้ง จากการศึกษาผลกระทบยังพบว่า สินค้าส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับราคาจำหน่ายปลีก โดยคิดเป็นผลกระทบต่อหน่วยระหว่าง 0.01-0.7% ซึ่งสินค้าที่มีน้ำหนักมากจะมีต้นทุนค่าขนส่งมากกว่าสินค้าโดยทั่วไป ที่มีผลกระทบมากสุดคือ ปูนซิเมนต์ผสม ต้นทุนจะลดลง 0.7213% ต่อหน่วย ส่วนถุงพลาสติกลดลงร้อยละ 0.0114% อย่างไรก็ดี สศค. คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 58 อยู่ที่ร้อยละ 2.2 และการบริโภคภาคเอกชนจะขยายตัวร้อยละ 3.7 (ประมาณการ ณ เดือน ต.ค.57 และ สศค. จะมีการปรับประมาณการอีกครั้งในวันที่ 29 ม.ค. 58 นี้)
3. จีนอนุมัติโครงการโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 37.75 ล้านล้านบาท หวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
- สำนักบลูมเบิร์กรายงานว่า นายกรัฐมนตรีของจีน อนุมัติโครงการด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานราว 300 โครงการ ที่มีมูลค่าประมาณ 7 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 37.75 ล้านล้านบาท) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการร่วมทุนระยะยาวตั้งแต่ช่วงปลายปี 2014 - 2016 ทั้งหมดกว่า 400 โครงการ ซึ่งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจีนอย่างต่อเนื่อง
- สศค. วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจของจีนในไตรมาสที่ 3 ของปี 2557 ขยายตัวร้อยละ 7.3 ต่อปี ชะลอลงจากที่ขยายตัวร้อยละ 7.5 ในไตรมาสก่อนหน้า โดยเป็นผลจากการลงทุนภายในประเทศ และการบริโภคภายในประเทศขยายตัวชะลอลง อย่างไรก็ดี จากเครื่องชี้เศรษฐกิจล่าสุด สะท้อนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ (HSBC) ในเดือน ธ.ค. 57 อยู่ที่ระดับ 53.4 จุด เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากระดับ 53.0 จุด ในเดือนก่อนหน้า สะท้อนภาคบริการที่ยังคงแข็งแกร่ง เป็นแรงสนับสนุนการขยายตัวเศรษฐกิจได้ ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมยังคงซบเซาสะท้อนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรม (NBS) เดือน ธ.ค. 57 อยู่ที่ระดับ 50.1 จุด ทั้งนี้ สศค. คาดการณ์ ณ เดือน ต.ค. 57 ว่า เศรษฐกิจจีนในปี 57 จะขยายตัวที่ร้อยละ 7.3 ต่อปี และปี 58 จะขยายตัวร้อยละ 7.2 ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 6.7 - 7.7 ต่อปี)
ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance
Tel: 02-273-9020 Ext. 3257