รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 10 กรกฎาคม 2558

ข่าวเศรษฐกิจ Friday July 10, 2015 11:38 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 10 กรกฎาคม 2558

Summary:

1. ทีดีอาร์ไอคาด เศรษฐกิจไทยปี 58 จะขยายตัวร้อยละ 2.75 -3.25

2. นักค้าเงินคาด ธนาคารกลางมาเลเซียอาจแทรกแซงเงินริงกิต 3 วันติดต่อกันเพื่อพยุงค่าเงิน

3. ตลาดหลักทรัพย์จีนปิดตลาดปรับตัวดีขึ้น หลังทางการจีนออกมาตรการพยุงตลาดหลักทรัพย์

1. ทีดีอาร์ไอคาด เศรษฐกิจไทยปี 58 จะขยายตัวร้อยละ 2.75 -3.25
  • ดร.นณริฏ พิศลบุตร นักวิชาการสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวถึงภาพรวม69024 เศรษฐกิจไทยว่ายังคงมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างเปราะบาง โดยคาดว่าในปี 58 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวในช่วงร้อยละ 2.75 -3.25 เนื่องจากปัจจัยเศรษฐกิจในประเทศทั้งด้านการบริโภคการลงทุนและข้อจำกัดด้านรายจ่ายภาครัฐรวมถึงปัจจัยเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออก
  • สศค. วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจไทยช่วง 5 เดือนแรกของปี 58 มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างเปราะบาง สอดคล้องกับมุมมองของทีดีอาร์ไอ โดยเครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชนส่งสัญญาณชะลอตัว สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 58 ที่หดตัวร้อยละ -16.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน อีกทั้งการส่งออกในช่วง 5 เดือนแรกของปี 58 หดตัวร้อยละ -4.2 ผลจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยบวกจากภาคการท่องเที่ยวที่ยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง โดย 5 เดือนแรกของปี 58 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย 12.4 ล้านคน คิดเป็นการขยายตัวร้อยละ 24.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อีกทั้งยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มบนฐานการบริโภคในประเทศ ณ ราคาคงที่ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 58 ขยายตัวร้อยละ 11.1 ซึ่งคาดว่าปัจจัยเหล่านี้จะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย โดย สศค. จะมีการปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยอีกครั้งในเดือน ก.ค. 58 นี้
2. นักค้าเงินคาด ธนาคารกลางมาเลเซียอาจแทรกแซงเงินริงกิต 3 วันติดต่อกันเพื่อพยุงค่าเงิน
  • นักค้าเงินตั้งข้อสันนิษฐานว่าธนาคารกลางมาเลเซียอาจเข้าแทรกแซงเงินริงกิตในตลาดติดต่อกัน 3 วัน เพื่อช่วยบรรเทาการอ่อนค่าของเงินริงกิตในช่วงที่ผ่านมา จากปัญหาทางการเมืองที่สร้างแรงกดดันต่อค่าเงิน โดยค่าเงินริงกิต ณ วันที่ 8 ก.ค. 58 กลับมาปิดที่ 3.8056 ริงกิตต่อดอลลาร์สหรัฐ จาก 3.8061 ในวันก่อนหน้า หรือแข็งค่าขึ้นร้อยละ 0.01 จากวันก่อน ท่ามกลางแรงเทขายสินทรัพย์มาเลเชียของนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์เชิงเทคนิคมีมุมมองว่าเงินริงกิตน่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 3.80-3.82 ริงกิตต่อดอลลาร์สหรัฐและอาจอ่อนค่าลงไปถึง 3.9060 ริงกิตต่อดอลลาร์สหรัฐ
  • สศค. วิเคราะห์ว่า เงินริงกิตมีแนวโน้มอ่อนค่าลงต่อเนื่อง โดยอ่อนค่าลงรุนแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จากปัจจัยทางการเมืองภายในมาเลเซีย หลังจากที่นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเผชิญข้อหาคอรัปชั่น ส่งผลให้เงินทุนต่างชาติไหลออกต่อเนื่อง ทั้งนี้ การเข้าแทรกแซงค่าเงินของธนาคารกลางมาเลเซีย ในระยะสั้นจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและเสถียรภาพของตลาดอัตราแลกเปลี่ยนมาเลเซีย อย่างไรก็ตาม ด้วยโครงสร้างเศรษฐกิจมาเลเซียที่เป็นผู้ส่งออกสุทธิ โดยมีสัดส่วนการส่งออกร้อยละ 88.8 ของ GDP (ข้อมูลปี 57) ตามทฤษฎีแล้วเงินริงกิตที่อ่อนค่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนภาคการส่งออก อย่างไรก็ดี แนวโน้มเงินริงกิตและเงินสกุลอื่นๆ ในเอเชียยังคงเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก อาทิ การเจรจาหนี้สาธารณะของกรีซที่ยังไม่ได้ข้อสรุป ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของจีนที่ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความกังวลต่อนักลงทุนต่างชาติให้กลับเข้าถือสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น ส่งผลให้เงินสกุลภูมิภาคอ่อนค่าลง โดยค่าเงินริงกิต ณ วันที่ 8 ก.ค. 58 อ่อนค่าลงกว่าร้อยละ 8.3 เมื่อเทียบกับต้นปี 58 ซึ่งถือเป็นการอ่อนค่ามากที่สุดเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ ในเอเชีย หากไม่นับรวมค่าเงินเยน
3. ตลาดหลักทรัพย์จีนปิดตลาดปรับตัวดีขึ้น หลังทางการจีนออกมาตรการพยุงตลาดหลักทรัพย์
  • ตลาดหลักทรัพย์ Shanghai Stock Exchange ณ วันที่ 9 ก.ค. 58 ปิดตลาดที่ 3,709.33 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 202.14 จุด หรือคิดเป็นร้อยละ 5.8 จากวันก่อนหน้า ในขณะที่ดัชนี CSI300 ซึ่งเป็นดัชนีที่รวบรวมบริษัทขนาดใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งตลาดเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้นเข้าไว้ด้วยกัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.4
  • สศค. วิเคราะห์ว่า การที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของจีนปรับตัวดีขึ้นในวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดัชนี Shanghai Composite Index ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 5.8 จากวันก่อนหน้า ซึ่งนับเป็นการเพิ่มขึ้นภายใน 1 วันในอัตราสูงที่สุดในรอบ 6 ปี แม้จะเป็นสัญญาณที่ดีและเป็นผลจากมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องของทางการจีน แต่ยังคงมีปัจจัยสำคัญอื่นที่จะต้องคำนึงถึง เช่น ยังคงมีหลักทรัพย์ของอีกกว่า 1,500 บริษัทที่ได้รับการประกาศให้หยุดการซื้อขายชั่วคราว โดยที่มูลค่าของหลักทรัพย์เหล่านี้สูงถึงกว่า 2.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ประกอบกับการปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ ยังคงนับว่าไม่มากนัก หากเทียบกับการปรับลดลงของดัชนีฯ ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาที่ปรับตัวลดลงกว่าร้อยละ 32.0 จากจุดสูงสุดที่ดัชนีฯ ขึ้นไปแตะระดับ 5,166 จุด เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 58 ก่อนที่ดัชนีจะปรับลดลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง ทั้งนี้ มาตรการรักษาเสถียรภาพตลาดหลักทรัพย์ที่ทางการจีนได้ประกาศใช้ในช่วงวันที่ 5-8 มิ.ย. 58 เช่น 1) การห้ามเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไป 2) การห้ามผู้ถือหุ้นรายใหญ่ (มีหลักทรัพย์มากกว่าร้อยละ 5 ของบริษัท) ขายหุ้นส่วนของตนเองเป็นเวลา 6 เดือน 3) การหยุดการซื้อขายเป็นการชั่วคราวของหลักทรัพย์กว่า 1,500 บริษัท ซึ่งมีมูลค่ารวมกันกว่า 2.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ 4) การสนับสนุนการเงินแก่บริษัทหลักทรัพย์ 21 แห่ง ที่สัญญาว่าจะร่วมกันเข้าซื้อหลักทรัพย์มูลค่า 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะถือครองไว้อย่างน้อย 1 ปี 5) การผ่อนปรนการกู้ยืมเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์โดยใช้สินเชื่อ และ 6) การเตรียมพร้อมเข้าอัดฉีดสภาพคล่องแก่การซื้อขายโดยใช้สินเชื่อ

ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance

Tel: 02-273-9020 Ext. 3257


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ