รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 18 มกราคม 2559

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 18, 2016 13:38 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 18 มกราคม 2559

Summary:

1. พาณิชย์เตรียมดันสินค้าเกษตรพัฒนานวัตกรรม สร้างมูลค่าเพิ่ม

2. ธปท. ห่วงหนี้เกษตรกร จับตาภัยแล้ง- ราคาสินค้าตกต่ำ

3. ตลาดหุ้นตะวันออกกลางร่วงหนัก หวั่นอิหร่านส่งออกน้ำมันเพิ่ม

1. พาณิชย์เตรียมดันสินค้าเกษตรพัฒนานวัตกรรม สร้างมูลค่าเพิ่ม
  • นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับผู้ส่งออกข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อหารือแผนการผลิต และพัฒนาข้าวให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด กระทรวงพาณิชย์จะส่งเสริมสินค้าภาคการเกษตร 4 ชนิด ได้แก่ ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง และปาล์ม โดยจะมีการปรับ เสริม สร้าง เน้นความต้องการของตลาด และย้อนกลับไปดูการผลิต รวมถึงนำนวัตกรรมเข้ามาใช้ในการผลิต เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาด
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ปัจจุบันราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งราคาข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากอุปสงค์ที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่ำตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงอย่างมาก ซึ่งน้ำมันปิโตรเลียมสามารถใช้เป็นวัตถุดิบทดแทนยางพารา และปาล์มน้ำมันได้บางส่วน ทำให้ราคาสินค้าเกษตรเหล่านี้ยังคงหดตัวต่อเนื่อง โดยล่าสุดข้อมูล 11 เดือนของปี 58 จากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรพบว่า ดัชนีราคาสินค้าเกษตรที่เกษตรกรขายได้หดตัวร้อยละ -6.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้รายได้เกษตรกรยังคงหดตัวร้อยละ -15.0 ส่งผลให้กำลังซื้อของประชาชนยังคงอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระดับมหภาคได้ สศค. วิเคราะห์ว่า การแก้ไขปัญหานี้อาจทำได้โดยการลดการพึ่งพิงการส่งออกที่ค่อนข้างมีความผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจโลก และหันไปกระตุ้นให้เกิดอุปสงค์ภายในประเทศมากขึ้น โดยการสร้างนวัตกรรมที่จะนำสินค้าเกษตรขั้นต้นไปแปรรูปผลิตเป็นสินค้าขั้นกลาง หรือขั้นสุดท้าย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าเกษตร และจะช่วยแก้ปัญหาด้านราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ทำให้การบริโภคภาคเอกชนภายในประเทศปรับตัวดีขึ้นได้ ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องในการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับมหภาคอีกด้วย
2. ธปท. ห่วงหนี้เกษตรกร จับตาภัยแล้ง- ราคาสินค้าตกต่ำ
  • นางรุ่ง มัลลิกะมาส ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า หนี้สินของเกษตรกรจัดว่าเป็นปัญหาที่น่าเป็นห่วงในปีที่ผ่านมา โดยปัญหาภัยแล้งและราคาสินค้าตกต่ำยังคงเป็นปัจจัยกดดันรายได้เกษตรกรต่อเนื่องในช่วงครึ่งแรกของปีนี้
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ในช่วงปีที่ผ่านมาภาคเกษตรกรรมได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งค่อนข้างหนัก ทำให้เกษตรกรไม่สามารถทำการเพาะปลูกได้ตามฤดูกาล ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร หดตัวต่อเนื่อง จากข้อมูลเชิงประจักษ์พบว่า ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรในช่วง 11 เดือนของปี 58 พบว่าหดตัวร้อยละ -9.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ประกอบกับราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกที่ยังคงมีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะราคาสินค้าเกษตร เช่น ยางพารารมควันชั้น 3 ข้าวขาว น้ำตาล และ แป้งมันสำปะหลัง โดยในช่วง 11 เดือนแรกของปี 58 หดตัวที่ร้อยละ -20.5 -21.5 -8.3 และ -0.5 ตามลำดับ ส่งผลให้รายได้เกษตรลดลง (โดยรายได้เกษตรกรที่แท้จริง คำนวณโดย สศค. พบว่าในช่วง 11 เดือนหดตัวร้อย -15.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน) ซึ่งจากรายได้ที่ลดลงอาจจะส่งผลให้ความสามารถให้การชำระหนี้ของเกษตรกรลดลงด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี เกษตรกรที่เป็นหนี้ในระบบยังคงได้รับการผ่อนผันจากมาตรการพักชำระหนี้ของรัฐอยู่ ซึ่งอาจจะพอช่วยบรรเทาปัญหาให้เกษตกรได้ ทั้งนี้ หากพิจารณาถึงระดับหนี้ครัวเรือนของไทยพบว่า ข้อมูล ณ ไตรมาส 3 ปี 58 หนี้ครัวเรือนอยู่ที่ร้อยละ 81.1 ของ GDP
3. ตลาดหุ้นตะวันออกกลางร่วงหนัก หวั่นอิหร่านส่งออกน้ำมันเพิ่ม
  • ตลาดหุ้นทั่วภูมิภาคตะวันออกกลางร่วงลงอย่างหนัก เนื่องจากข่าวการยกเลิกมาตรการคว่ำบาติอิหร่านส่งผลให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า อิหร่านจะผลิตน้ำมันเข้าสู่ตลาดมากขึ้น ดัชนี Tadawul All Share Index ตลาดหุ้นซาอุดิอาระเบียร่วงลงราวร้อยละ 5.4 สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 54 ขณะที่ดัชนี ADX General Index ตลาดหุ้นอาบูดาบีก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน
  • สศค. วิเคราะห์ว่าการปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้นของภูมิภาคตะวันออกกลาง เป็นไปตามการคาดการณ์ว่าอิหร่านจะส่งออกน้ำมันเพิ่มขึ้น ในการนี้อิหร่านตั้งเป้าจะเพิ่มการส่งออกน้ำมันทันที 500,000 บาร์เรลต่อวัน และมีการวางแผนระยะยาวที่จะส่งออกเพิ่มอีก 500,000 บาร์เรลต่อวัน ทำให้คาดว่าจะมีอุปทานของน้ำมันเข้ามาในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เพิ่มมากขึ้น แต่อุปสงค์ของน้ำมันดิบไม่ได้เพิ่มขึ้น เพราะภาวะเศรษฐกิจของจีนซึ่งเป็นประเทศที่บริโภคน้ำมันรายใหญ่มีแนวโน้มชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง โดยราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบ ณ วันที่ 15 ม.ค. 59 ปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี มาอยู่ที่ 25.55 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งราคาน้ำมันอาจจะปรับตัวลดลงอีก เนื่องจากอิหร่านมีแผนระยะยาวที่จะส่งออกน้ำมันเพิ่มขึ้นอีกนั่นเอง ทั้งนี้ สศค. คาดว่าราคาน้ำมันในปี 59 จะอยู่ที่ 52.8 - 62.8 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (คาดการณ์ ณ ต.ค. 58)

ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance

Tel: 02-273-9020 Ext. 3257


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ