รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 26 เมษายน 2559

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 26 เมษายน 2559

1. ส่งออกเดือน มี.ค. 59 ขยายตัวร้อยละ 1.3

2. ปตท. เผยราคาน้ำมันดิบสัปดาห์ก่อนแตะระดับสูงสุด

3. แบงก์ชาติจีนอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ตลาดอีก 2.76 หมื่นล้านดอลลาร์

• นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยถึง สถิติการค้าระหว่างประเทศของไทยว่าในเดือน มี.ค. 59 การส่งออกมีมูลค่า 19,124.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นการขยายตัวเป็นบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 16,158.9 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัวร้อยละ 6.94
• สศค. วิเคราะห์ว่า การส่งออกในเดือน มี.ค. 59 ขยายตัวได้เป็นเดือนที่ 2 ที่ร้อยละ 1.3 ตามการส่งออกในหมวดสินค้ายานยนต์ที่กลับมาขยายตัวเป็นบวกอีกครั้งที่ร้อยละ 1.7 หลังจากหดตัวในเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ -0.9 รวมถึงสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรที่ขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 7.3 ในส่วนของ สินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวชะลอลงที่ร้อยละ 7.3 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 13.8 ตามการหดตัวของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ร้อยละ -2.5 และ -4.1 ตามลำดับ ขณะที่สินค้าเกษตรกรรม และ สินค้าเชื้อเพลิงหดตัวที่ร้อยละ -4.4 และ -41.3 ตามลำดับ ส่งผลให้การส่งออกในไตรมาสที่ 1 ปี 59 ขยายตัวที่ร้อยละ 0.9 ในขณะที่ การนำเข้าในเดือน มี.ค. 59 หดตัวในอัตราชะลอลงที่ร้อยละ -6.9 จากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวในระดับสูงที่ร้อยละ -16.8 ทั้งนี้ จากมูลค่าการส่งออกที่สูงกว่ามูลค่าการนำเข้า ทำให้ดุลการค้าในเดือน มี.ค. 59 เกินดุล 3.0 พันล้านเหรียญสหรัฐ

• ส่วนวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เผย สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบรายสัปดาห์ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกชนิด แตะระดับสูงสุดของปี 59 แม้ว่าการประชุมเพื่อคงปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของผู้ผลิตรายใหญ่ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 เม.ย. 59 ไม่บรรลุผล
• สศค. วิเคราะห์ว่า ในสัปดาห์ที่แล้วราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยอยู่ที่ 39.81 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปรับตัวสูงสุดตั้งแต่ พ.ย. 58 เนื่องจากตลาดมีการปรับตัวล่วงหน้าก่อนการประชุมหารือเพื่อคงปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปก ถึงแม้จะไม่สามารถหาข้อสรุปได้ กอปรกับมีการประท้วงของพนักงานบริษัทน้ำมันในคูเวต ทำให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบลดลงไปในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับลดลงตามปัจจัยพื้นฐานที่จำนวนอุปสงค์มีน้อยกว่าอุปทานซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอุปทานน้ำมันจากอิหร่านที่มีความต้องการส่งออกเพิ่มขึ้นหลังจากได้รับการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร ซึ่งในเดือน มี.ค. ปริมาณการผลิตน้ำมันของอิหร่านเพิ่มขึ้น 1.5 แสนบาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ ต้องติดตามปริมาณการผลิตน้ำมันของผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปกที่มีแนวโน้มลดกำลังการผลิตลง ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกดดันให้ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นได้ด้วย สำหรับมุมมองราคาน้ำมันดิบดูไบของ สศค. ในปี 59 นี้คาดว่าราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 35.0 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล (คาดการณ์ ณ ม.ค. 59) แต่จะทำการปรับข้อสมมติด้านราคาน้ำมันดิบดูไบอีกครั้งเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความเป็นจริงมากที่สุด ณ สิ้นเดือน เม.ย. 59 นี้

• ธนาคารกลางจีน อัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ตลาดเพิ่มเพื่อคลายสภาพคล่องตึงตัวในตลาดอีก 1.8 แสนล้านหยวน (2.76 หมื่นล้านดอลลาร์) (ในวันที่ 26 เม.ย. 59) ผ่านทางข้อตกลงซื้อพันธบัตร โดยมีสัญญาขายคืน (Reverse Repo) อายุ 7 วัน ซึ่งเป็นกระบวนการที่ธนาคารกลางเข้าซื้อหลักทรัพย์จากธนาคารพาณิชย์ด้วยข้อตกลงที่จะขายคืนในอนาคต
• สศค. วิเคราะห์ว่า การที่ธนาคารกลางจีนอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอีก เป็นการผ่อนคลายภาวะสภาพคล่องตึงตัวและเป็นการเน้นการพึ่งพาเศรษฐกิจภายในประเทศให้เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศมากขึ้น นอกจากนี้ธนาคารกลางจีนได้ดำเนินนโยบายสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในภูมิภาคต่างๆ ตามภาวะตลาดในภูมิภาคนั้นๆ ส่งผลให้เครื่องชี้เศรษฐกิจล่าสุดในส่วนของราคาบ้านใหม่ในเดือนมี.ค. 59 ขยายตัวร้อยละ 4.9 ต่อปี และเป็นการขยายตัวเร่งขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน โดยเฉพาะราคาในเมืองใหญ่ เช่น เสินเจิ้น เป็นต้น ประเด็นที่ควรจับตาภายหลังจากอัดฉีดคือ ประสิทธิภาพของการดำเนินนโยบาย การติดตามคุณภาพของหนี้สิน และผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน เป็นต้น ทั้งนี้ สศค. คาดว่าเศรษฐกิจจีนในปี 59 จะขยายตัวที่ร้อยละ 6.6 ต่อปี (คาดการณ์ ณ เดือน ม.ค. 59)

ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance

Tel: 02-273-9020 Ext. 3257