Macro Morning Focus ประจำวันที่ 23 พฤษภาคม 2559
Summary:
1. พาณิชย์ชู Thaitrade.com ยกระดับธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ของไทย
2. ธุรกิจเหล็กฟื้น โค้งแรกกำไรพุ่งร้อยละ 380 ธุรกิจพลังงานไปได้สวย
3. ธนาคารการเกษตรจีนจ่อปล่อยกู้ 3 ล้านล้านหยวน
1. พาณิชย์ชู Thaitrade.com ยกระดับธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ของไทย
- นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ ตระหนักถึงความสำคัญของการเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพของ SMEs ตลอดจนการส่งเสริมธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อยกระดับสินค้าและบริการไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล จึงได้ดำเนินการและพัฒนาโครงการ Thaitrade.com ตลาดกลางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบธุรกิจต่อธุรกิจ Thailand B2BEMarketplace อย่างต่อเนื่อง
- สศค. วิเคราะห์ว่า สาขาการค้าส่งค้าปลีกเป็นสาขาทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 58 ขยายตัวร้อยละ 4.3 และล่าสุดในไตรมาสแรกของปี 59 ขยายตัวต่อเนื่องร้อยละ 5.1 อีกทั้งเป็นสาขาที่มีสัดส่วนทางเศรษฐกิจสูงเป็นอันดับสองที่ร้อยละ 14.6 รองจากสาขาอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนร้อยละ 28.1 ต่อเศรษฐกิจมวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปี 58 ทั้งนี้จากกระแสดิจิทัล ที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้ การส่งเสริมธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์จึงมีความจำเป็นที่ทางภาครัฐควรให้การสนับสนุน เนื่องจากเป็นช่องทางที่มีศักยภาพสูง โดยในประเทศไทยมีจำนวนผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าผ่านช่องทางการค้าออนไลน์ถึงร้อยละ 75 ของจำนวนผู้ใช้อินเตอร์เน็ตทั้งประเทศ ซึ่งมากเป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากสิงคโปร์ และมาเลเซีย และธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจ SMEs ดังนั้น การส่งเสริม Thaitrade.com ของกระทรวงพาณิชย์นอกจากจะช่วยสร้างรูปแบบการทำธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ให้เป็นระบบมากขึ้นแล้ว ยังมีส่วนช่วยให้เกิดการสร้างมูลค่าทางการค้าได้เพิ่มขึ้น และเป็นการพัฒนาความรู้ให้แก่ SMEs ได้
2. ธุรกิจเหล็กฟื้น โค้งแรกกำไรพุ่ง 380% ธุรกิจพลังงานไปได้สวย
- นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชาว์สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) (บมจ.)(CHOW) ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาว (Steel Billet) รายใหญ่ของประเทศ กล่าวว่า การปรับเพิ่มขึ้นของรายได้และกำไรในไตรมาสแรกของปี 59 จะส่งผลต่อเนื่องให้ผลประกอบการในปี 59 มีแนวโน้มเติบโตจากปี 58 อย่างชัดเจน จากการฟื้นตัวของธุรกิจเหล็กต้นน้ำ ความต้องการใช้เหล็กในประเทศได้ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ภาครัฐใช้มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) เข้ามาควบคุมคุณภาพเหล็กนำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้เหล็กคุณภาพต่ำจากต่างประเทศไม่สามารถเข้ามาจำหน่ายในประเทศได้ ส่งผลให้ราคาเหล็กในประเทศปรับตัวดีขึ้น และผู้ประกอบการเหล็กปลายน้ำหันมาสั่งซื้อเหล็กต้นน้ำที่ผลิตในประเทศเพิ่มมากขึ้นในทิศทางเดียวกันด้วย
- สศค. วิเคราะห์ว่า การที่ราคาเหล็กในประเทศมีราคาสูงขึ้น เนื่องมาจากการที่ภาครัฐ โดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม ได้มีมาตรการที่เข้มงวดในการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานภาคบังคับ (มอก. ภาคบังคับ) ในท้องตลาด โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มเหล็กจำนวน 24 รายการ ทำให้มีความเข้มงวดในการนำเข้าเหล็กจากต่างประเทศ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันการหลั่งไหลเข้ามาของผลิตภัณฑ์เหล็กที่อาจไม่ได้มาตรฐานจากต่างประเทศ ซึ่งเหล็กนับว่า เป็นวัตถุดิบที่สำคัญสำหรับใช้ในการก่อสร้างโรงงานประเภท ต่าง ๆ เช่น โรงไฟฟ้า โรงงานปิโตรเคมี และโรงเหล็ก เป็นต้น รวมถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ สำหรับการที่ราคาเหล็กในประเทศสูงขึ้นนี้ ถือเป็นปัจจัยที่มีผลต่อความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม โดยดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรม (TISI) ในเดือนมีนาคมอยู่ที่ร้อยละ 86.7 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 85.1 ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือนอีกด้วย
3. ธนาคารการเกษตรจีนจ่อปล่อยกู้ 3 ล้านล้านหยวน
- สำนักข่าวพีเพิลส์เดลีของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเปิดเผยว่า ธนาคารการเกษตรแห่งประเทศจีนวางแผนปล่อยกู้เงิน 3 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 16.36 ล้านล้านบาท) จนถึงปี 63 ตามแผนลดความยากจนของรัฐบาลจีน ตามข้อมูลของพีเพิลส์เดลี ธนาคารการเกษตรแห่งประเทศจีนจะปล่อยกู้เงินประมาณ 1.1 ล้านล้านหยวน เพื่อให้การสนับสนุนการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ชนบท ขณะที่เงินอีกประมาณ 1 ล้านล้านหยวน จะถูกใช้เพื่อปล่อยกู้ให้แก่การก่อสร้างอุตสาหกรรรมพืชและเมล็ดพืช ในส่วนอื่นๆ ที่ธนาคารจะปล่อยกู้ตามแผนลดความยากจน รวมถึงภาคการท่องเที่ยว การศึกษา สิ่งแวดล้อม และการย้ายถิ่นฐานประชาชนที่ถูกจัดอันดับอยู่ใต้เส้นความยากจน
- สศค. วิเคราะห์ว่า การที่ธนาคารการเกษตรจีนได้ปล่อยกู้เงิน 3 ล้านล้านหยวน เพื่อนำไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ชนบท และลงทุนด้านการเกษตร อุตสาหกรรม และการท่องเที่ยวครั้งนี้ สอดคล้องกับมาตรการที่รัฐบาลจีนได้ประกาศนโยบายออกมาที่จะมุ่งเน้นการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศ เป็นปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญในการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีน เพื่อลดการพึ่งพาการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ การที่ธนาคารการเกษตรจีนได้ปล่อยกู้เงิน 3 ล้านล้านหยวน คาดว่าเป็นแรงส่งที่สำคัญของการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนในปี 59 นี้ ทั้งนี้ สศค.ได้ประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศจีนไว้ที่ร้อยละ 6.6 (คาดการณ์ ณ เม.ย. 59)
ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance
Tel: 02-273-9020 Ext. 3257