Macro Morning Focus ประจำวันที่ 31 ตุลาคม 2559
Summary:
1. ทูตพณ.ดึงผู้ซื้อข้าวฮ่องกงมาไทย
2. รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-ระยอง เพิ่มศักยภาพท่องเที่ยว
3. โอเปก-ผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปกยังไม่บรรลุข้อตกลงลดผลิต
1. ทูตพณ.ดึงผู้ซื้อข้าวฮ่องกงมาไทย
- อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเปิดเผยว่า สำนักงานส่งเสริมฯ ณ เมืองฮ่องกง เตรียมนำคณะผู้แทนการค้าข้าวฮ่องกงรายสำคัญ เดินทางเยือนไทย ระหว่างวันที่ 13 ถึง 16 พ.ย. จำนวน 37 ราย เพื่อสั่งซื้อข้าวในต้นฤดูกาลเก็บเกี่ยวที่จะถึงนี้ โดยผู้นำเข้าข้าวรายสำคัญที่เดินทางมาในครั้งนี้ มีสัดส่วนการนำเข้ารวมกันมากกว่าร้อยละ 80 โดยฮ่องกง นอกจากจะนำเข้าข้าวหอมมะลิไทย และข้าวเหนียวเป็นหลักแล้ว ปัจจุบันยังให้ความสนใจนำเข้าข้าวไทยชนิดอื่น ๆ เพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าวกล้อง และข้าวออร์แกนิก เพื่อรองรับแนวโน้มการบริโภคข้าวของคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ
- คณะกรรมการรถไฟฯ เปิดเผยว่า ได้เห็นชอบรายงานการร่วมลงทุนไปเมื่อวันที่ 13 ก.ย. 59 ซึ่งความคืบหน้าไฮสปีดเส้นกรุงเทพฯ - ระยองนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) เพิ่มเติมครั้งที่ 4 ตามความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการก่อนส่งให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.) พิจารณานำเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ต่อไป และเตรียมนำเสนอสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) พิจารณาถึงรูปแบบการร่วมลงทุน
- สศค. วิเคราะห์ว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงที่มีจุดเริ่มต้นของโครงการอยู่ที่สถานีลาดกระบัง ผ่านสถานีฉะเชิงเทรา สถานีชลบุรี สถานีศรีราชา สถานีพัทยา และไปสิ้นสุดที่สถานีระยอง รวมระยะทาง 193 กิโลเมตร นับเป็นอีกหนึ่งโครงการที่จะต้องบูรณาการเพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐานและการดึงดูดนักลงทุน รวมถึง จากการที่พัทยา สัตหีบ และ ระยองเป็นเมืองในเขตท่องเที่ยวภาคตะวันออกทั้งในเชิงธุรกิจ ครอบครัวและสุขภาพ จึงน่าจะได้รับผลดีจากโครงการนี้ ทางด้านการเพิ่มศักยภาพการท่องเที่ยวทางทะเลให้เพิ่มขึ้น และเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวมากขึ้น เนื่องจากเดินทางได้สะดวกและรวดเร็ว ส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวในอนาคตเป็นอย่างดี
3. โอเปก-ผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปกยังไม่บรรลุข้อตกลงลดผลิต
- เจ้าหน้าที่ของกลุ่มโอเปกและผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปกได้จัดการประชุมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมไม่ได้มีการทำข้อตกลงใดๆ ในประเด็นลดกำลังการผลิต แต่ระบุเพียงว่า จะมีการประชุมกันอีกครั้งในเดือน พ.ย.
- สศค. วิเคราะห์ว่า ในช่วง 9 เดือนแรก ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ตามอุปสงค์ที่น้อยลงจากสภาพเศรษฐกิจโลกที่มีการฟื้นตัวช้า อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบล่าสุดในเดือน ต.ค. 59 มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 49.1 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลจากที่ตลาดคาดว่าผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่จะทำการลดกำลังการผลิตลงไปก่อนหน้านี้ โดยผลของการประชุมตามข่าว อาจส่งให้ราคาน้ำมันดิบมีการปรับตัวลดลงได้ในระยะสั้นๆ ทั้งนี้ สศค. ได้ทำการติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบอย่างใกล้ชิด และคาดการณ์ว่า ในปี 59 ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยจะอยู่ที่ 41.0 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และในปี 60 ตามแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงภาวะล้นเกินของอุปทานที่ลดน้อยลง ทำให้คาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และเฉลี่ยอยู่ที่ 49.2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (คาดการณ์ ณ ต.ค. 59)
ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance
Tel: 02-273-9020 Ext. 3257