รายงานหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2560

ข่าวเศรษฐกิจ Monday September 4, 2017 16:08 —กระทรวงการคลัง

นายธีรัชย์ อัตนวานิช ที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ ได้รายงานหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2560 มีจำนวน 6,224,988.75 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 41.83 ของ GDP โดยแบ่งเป็น หนี้รัฐบาล 4,803,543.97 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจ 967,658.32 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 438,271.67 ล้านบาท และหนี้หน่วยงานของรัฐ 15,514.79 ล้านบาท ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าหนี้สาธารณะคงค้างเพิ่มขึ้นสุทธิ 39,491.75 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้

หนี้รัฐบาล จำนวน 4,803,543.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสุทธิ 43,586.19 ล้านบาท โดยรายละเอียด การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของหนี้รัฐบาล มีดังนี้

การกู้เงินตามแผนที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2560 และพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2560 รวมถึงเพื่อการบริหารหนี้สาธารณะ เพิ่มขึ้น 34,510 ล้านบาท แบ่งเป็น

  • เงินกู้ระยะสั้น เพิ่มขึ้น 6,000 ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของตั๋วเงินคลัง 20,000 ล้านบาท และการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ระยะสั้นไปเป็นพันธบัตรรัฐบาล 14,000 ล้านบาท
  • เงินกู้ระยะยาว เพิ่มขึ้น 28,510 ล้านบาท เนื่องจากการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ระยะสั้น 14,000 ล้านบาท การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณเพื่อนำไปลงทุนในการพัฒนาประเทศ สร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจ พัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและชุมชนเข้มแข็ง และส่งเสริมการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมศักยภาพจำนวน 22,000 ล้านบาท และการไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงิน 7,490 ล้านบาท

การกู้เงินเพื่อการลงทุนจากแหล่งเงินกู้ในประเทศ จำนวน 9,642.10 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น การกู้ให้กู้ต่อแก่ (1) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้จำนวน 8,803.56 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มจำนวน 7,856.80 ล้านบาท สายสีเขียวจำนวน 620.73 ล้านบาท และสายสีน้ำเงินจำนวน 326.03 ล้านบาท และ (2) การรถไฟแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้จำนวน 838.54 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟ สายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา – คลองสิบเก้า - แก่งคอย จำนวน 419.83 ล้านบาท โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ – ขอนแก่น จำนวน 328.65 ล้านบาท และโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ - รังสิต จำนวน 90.06 ล้านบาท

การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินระยะที่สอง พ.ศ. 2545 (FIDF 3) จำนวน 14.14 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ

หนี้ต่างประเทศลดลงสุทธิ 551.77 ล้านบาท เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเป็นสำคัญ

หนี้รัฐวิสาหกิจ จำนวน 967,658.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสุทธิ 339.42 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจาก

หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน ลดลง 950.63 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการชำระคืนหนี้สกุลเงินเยนของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย

หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน เพิ่มขึ้น 1,290.05 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการกู้เงินของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การชำระคืนต้นเงินกู้ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน

หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) จำนวน 438,271.67 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 3,464.11 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการชำระคืนต้นเงินกู้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

หนี้หน่วยงานของรัฐ จำนวน 15,514.79 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 969.75 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เนื่องจากการชำระคืนต้นเงินกู้ของสำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย

หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2560 จำนวน 6,224,988.75 ล้านบาท แบ่งออกเป็น หนี้ในประเทศ 5,918,951.70 ล้านบาท หรือร้อยละ 95.08 และหนี้ต่างประเทศ 306,037.05 ล้านบาท (ประมาณ 9,160.82 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือร้อยละ 4.92 ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมด และหนี้สาธารณะคงค้างแบ่งตามอายุคงเหลือ สามารถแบ่งออกเป็นหนี้ระยะยาว 5,565,098.20 ล้านบาท หรือร้อยละ 89.40 และหนี้ระยะสั้น 659,890.55 ล้านบาท หรือร้อยละ 10.60 ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมด

คณะโฆษกสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ

โทร. 02 265 8050 ต่อ 5520

สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ขอรายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2560 ดังนี้

ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2560 มีจำนวน 6,224,988.75 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 41.83 ของ GDP เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสุทธิ 39,491.75 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. หนี้รัฐบาล 4,803,543.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43,586.19 ล้านบาท

2. หนี้รัฐวิสาหกิจ 967,658.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 339.42 ล้านบาท

3. หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 438,271.67 ล้านบาท ลดลง 3,464.11 ล้านบาท

4. หนี้หน่วยงานของรัฐ 15,514.79 ล้านบาท ลดลง 969.75 ล้านบาท

ทั้งนี้ สัดส่วนและรายละเอียดของหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2560 ปรากฏตามแผนภาพที่ 1 และตารางที่ 1 ตามลำดับ

1. หนี้รัฐบาล

1.1 หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้นสุทธิ 43,600.33 ล้านบาท เนื่องจาก

1.1.1 หนี้ต่างประเทศ ลดลงสุทธิ 551.77 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า โดยเป็นผลจากการเบิกจ่ายและชำระคืนหนี้สกุลเงินเยน และการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน

หากพิจารณาในรูปเงินบาท หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงจำแนกเป็นสกุลเงินต่างๆ หลังจากที่ได้บริหารความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนแล้วมีรายละเอียดปรากฏตามแผนภาพที่ 2

1.1.2 หนี้ในประเทศ เพิ่มขึ้นสุทธิ 44,152.10 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจาก

  • การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณและการบริหารหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 34,510 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
  • เงินกู้ระยะสั้น เพิ่มขึ้น 6,000 ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของตั๋วเงินคลัง 20,000 ล้านบาท และการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ระยะสั้นไปเป็นพันธบัตรรัฐบาล 14,000 ล้านบาท
  • เงินกู้ระยะยาว เพิ่มขึ้น 28,510 ล้านบาท เนื่องจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 22,000 ล้านบาท การออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ระยะสั้น 14,000 ล้านบาท และการไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงิน 7,490 ล้านบาท
  • เงินกู้ให้กู้ต่อเพิ่มขึ้น 9,642.10 ล้านบาท เนื่องจาก
  • การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้จำนวน 8,803.56 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มจำนวน 7,856.80 ล้านบาท สายสีเขียวจำนวน 620.73 ล้านบาท และสายสีน้ำเงินจำนวน 326.03 ล้านบาท
  • การรถไฟแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้จำนวน 838.54 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟ สายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา – คลองสิบเก้า - แก่งคอย จำนวน 419.83 ล้านบาท โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ – ขอนแก่น จำนวน 328.65 ล้านบาท และโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ - รังสิต จำนวน 90.06 ล้านบาท

1.2 หนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลงจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 14.14 ล้านบาท จากการชำระหนี้ที่กู้มาภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. 2545 (FIDF 3)

2. หนี้รัฐวิสาหกิจ

2.1 หนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน

2.1.1 หนี้ต่างประเทศ ลดลง 1,106.22 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า โดยเป็นผลจากการชำระคืนหนี้สกุลเงินเยน และการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน

2.1.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 155.59 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เนื่องจาก องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพเบิกจ่ายเงินกู้ 420.07 ล้านบาท และการยางแห่งประเทศไทยชำระคืนต้นเงินกู้ 264.48 ล้านบาท

2.2 หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน

2.2.1 หนี้ต่างประเทศ ลดลง 1,983.51 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า โดยเป็นผลจากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ชำระหนี้สกุลเงินต่างๆ และการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน

2.2.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 3,273.56 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เนื่องจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยออกพันธบัตร 6,000 ล้านบาท และไถ่ถอนพันธบัตร 2,000 ล้านบาท และการทางพิเศษแห่งประเทศไทยชำระคืนต้นเงินกู้ 400 ล้านบาท

3. หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน)

3.1 หนี้ต่างประเทศ ลดลง 82.08 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า โดยเป็นผลจากบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยซึ่งได้ควบรวมกับธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ชำระคืนหนี้สกุลเงินเหรียญสหรัฐ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ชำระคืนหนี้สกุลเงินเยน และการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน

3.2 หนี้ในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 3,382.03 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เนื่องจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรได้ออกพันธบัตร 5,000 ล้านบาท และชำระคืนหนี้เดิม 7,382.03 ล้านบาท และธนาคารอาคารสงเคราะห์ไถ่ถอนพันธบัตร 1,000 ล้านบาท หากพิจารณาในรูปเงินบาท หนี้ต่างประเทศของรัฐวิสาหกิจ และรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) หลังจากได้บริหารความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว มีรายละเอียดปรากฏตามแผนภาพที่ 3

4. หนี้หน่วยงานของรัฐ ลดลง 969.75 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เนื่องจากสำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายมีการชำระคืนหนี้สุทธิ 1,027.66 ล้านบาท และสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านได้มีการเบิกจ่ายเงินกู้ 58.30 ล้านบาท

หนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2560 จำนวน 6,224,988.75 ล้านบาท สามารถแบ่งประเภทเป็นหนี้ต่างประเทศ-หนี้ในประเทศ และหนี้ระยะยาว-หนี้ระยะสั้นได้ ดังนี้

หนี้ต่างประเทศและหนี้ในประเทศ แบ่งออกเป็น หนี้ต่างประเทศ 306,037.05 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.92 และหนี้ในประเทศ 5,918,921.70 ล้านบาท หรือร้อยละ 95.08 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง

หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

  • หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น (แบ่งตามอายุของเครื่องมือการกู้เงิน) แบ่งออกเป็น หนี้ระยะยาว 6,013,391.94 ล้านบาท หรือร้อยละ 96.60 และหนี้ระยะสั้น 211,596.81 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.40 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
  • หนี้ระยะยาวและหนี้ระยะสั้น (แบ่งตามอายุคงเหลือ) แบ่งออกเป็น หนี้ระยะยาว 5,565,098.20 ล้านบาท หรือร้อยละ 89.40 และหนี้ระยะสั้น 659,890.55 ล้านบาท หรือร้อยละ 10.60 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง

--กระทรวงการคลัง--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ