รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังภูมิภาคประจำเดือนสิงหาคม 2563

ข่าวเศรษฐกิจ Monday September 28, 2020 14:13 —กระทรวงการคลัง

สถานการณ์เศรษฐกิจภูมิภาคในเดือนสิงหาคม 2563 ปรับตัวดีขึ้นในหลายภูมิภาคเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า อาทิ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออก เป็นต้น สอดคล้องกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลังการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Disease 2019: COVID-19)

นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และนายพิสิทธิ์ พัวพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนสิงหาคม 2563 ว่า “สถานการณ์เศรษฐกิจภูมิภาคในเดือนสิงหาคม 2563 ปรับตัวดีขึ้นในหลายภูมิภาคเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า อาทิ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออก เป็นต้น สอดคล้องกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลังการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Disease 2019: COVID-19)” โดยมีรายละเอียดดังนี้

เศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยในเดือนสิงหาคม 2563 เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนหลายตัวปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ จำนวนรถจักรยานยนต์ จดทะเบียนใหม่ และรายได้เกษตรกรที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 28.9 10.4 และ 3.5 ต่อปี ตามลำดับ สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน จำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 4.4 ต่อปี นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มาอยู่ที่ระดับ 53.7 และ 73.0 ตามลำดับ ส่วนหนึ่งเนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้มีการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวยังชะลอตัวโดยจำนวนผู้เยี่ยมเยือนและรายได้จากการเยี่ยมเยือนหดตัวอยู่ที่ร้อยละ -32.3 และ -46.7 ต่อปี ตามลำดับ แต่ชะลอตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวอยู่ที่ร้อยละ -44.1 และ -51.4 ต่อปี ตามลำดับ สำหรับในด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ -0.4 ต่อปี จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ร้อยละ -0.5 ต่อปี?

เศรษฐกิจภาคกลางดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยในเดือนสิงหาคม 2563 เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น โดยภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ และรายได้เกษตรกร ขยายตัวถึงร้อยละ 17.0 และ 15.4 ต่อปี ตามลำดับ สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน จำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ขยายตัวร้อยละ 3.0 ต่อปี และเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการ ขยายตัวได้ร้อยละ 166.8 ต่อปี ด้วยเงินทุนจำนวน 1,583 ล้านบาท สำหรับวัตถุดิบที่เกี่ยวข้องกับโรงงานผลิตแอลกอฮอล์ในจังหวัดชัยนาท และจากโรงงานรับจ้างสีข้าวและขัดข้าว ในชุมชนท้องถิ่นที่อยู่รอบบริเวณโรงงานในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นสำคัญ นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มาอยู่ที่ระดับ 49.5 และ 85.3 ตามลำดับ ส่วนหนึ่งเนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้มีการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวยังชะลอตัวโดยจำนวนผู้เยี่ยมเยือนและรายได้จากการเยี่ยมเยือนหดตัวอยู่ที่ร้อยละ -54.2 และ -66.6 ต่อปี ตามลำดับ แต่ชะลอตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวอยู่ที่ร้อยละ -62.8 และ -70.2 ต่อปี ตามลำดับ สำหรับในด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ พบว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ -0.9 ต่อปี จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ร้อยละ -1.7 ต่อปี

เศรษฐกิจภาคเหนือดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยในเดือนสิงหาคม 2563 เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนหลายตัว เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ จำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ และรายได้เกษตรกร ขยายตัวได้ที่ร้อยละ 0.6 4.2 และ 14.2 ต่อปี ตามลำดับ นอกจากนี้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มาอยู่ที่ระดับ 52.4 และ 66.5 ตามลำดับ ส่วนหนึ่งเนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้มีการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวยังชะลอตัวโดยจำนวนผู้เยี่ยมเยือนและรายได้จากการเยี่ยมเยือนหดตัวอยู่ที่ร้อยละ -35.2 และ -59.3 ต่อปี ตามลำดับ จากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวอยู่ที่ร้อยละ -35.9 และ -55.6 ต่อปี ตามลำดับ สำหรับในด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ -0.7 ต่อปี จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ร้อยละ -0.9 ต่อปี

เศรษฐกิจภาคตะวันออกดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยในเดือนสิงหาคม 2563 เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนซึ่งสะท้อนจากรายได้เกษตรกรขยายตัวได้ถึงร้อยละ 22.6 ต่อปี สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน เงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการขยายตัวได้ดีอยู่ที่ร้อยละ 79.4 ต่อปี ด้วยเงินทุนจำนวน 2,854 ล้านบาท จากโรงงานผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น อุปกรณ์รับส่งสัญญาณภาพและเสียงในจังหวัดชลบุรี เป็นสำคัญ นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทั้งสองดัชนีเป็นเดือนที่ 4 อยู่ที่ระดับ 53.8 และ 103.2 ตามลำดับ ส่วนหนึ่งเนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้มีการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวยังชะลอตัวโดยจำนวนผู้เยี่ยมเยือนและรายได้จากการเยี่ยมเยือนหดตัวอยู่ที่ร้อยละ -44.4 และ -74.8 ต่อปี ตามลำดับ แต่ชะลอตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวอยู่ที่ร้อยละ -51.5 และ -75.7 ต่อปี ตามลำดับ สำหรับในด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ พบว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ -0.8 ต่อปี จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ร้อยละ -1.6 ต่อปี

เศรษฐกิจภาคตะวันตกดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยในเดือนสิงหาคม 2563 เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนซึ่งสะท้อนจากรายได้เกษตรกรขยายตัวร้อยละ 36.3 ต่อปี เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชนดีขึ้นจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ที่กลับมาขยายตัวได้ โดยขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 2.2 ต่อปี นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาในด้านความเชื่อมั่น พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 49.5 และ 85.3 ตามลำดับ ส่วนหนึ่งเนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้มีการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจมีมากขึ้น อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวยังชะลอตัวโดยจำนวนผู้เยี่ยมเยือนและรายได้จากการเยี่ยมเยือนหดตัวอยู่ที่ร้อยละ -21.3 และ -45.9 ต่อปี ตามลำดับ จากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวอยู่ที่ร้อยละ -21.6 และ -41.6 ต่อปี ตามลำดับ สำหรับในด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ พบว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ -0.8 ต่อปี จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ร้อยละ -1.7 ต่อปี

เศรษฐกิจ กทม.และปริมณฑลดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยในเดือนสิงหาคม 2563 เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของรายได้เกษตรกร โดยขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 15.7 ต่อปี จากราคาพืชผล อาทิ ข้าว พืชผัก และกล้วย ที่เพิ่มขึ้น สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน จำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ขยายตัวได้ดีอยู่ที่ร้อยละ 21.3 ต่อปี และเงินทุนของโรงงานที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการที่ขยายตัวได้ดีอยู่ที่ร้อยละ 45.1 ต่อปี ด้วยเงินทุนจำนวน 6,308 ล้านบาท จากโรงงานทำถุงพลาสติกในจังหวัดกรุงเทพมหานครเป็นสำคัญ นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 50.4 และ 85.3 ตามลำดับ ส่วนหนึ่งเนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้มีการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวยังชะลอตัวโดยจำนวนผู้เยี่ยมเยือนและรายได้จากการเยี่ยมเยือนหดตัวอยู่ที่ร้อยละ -65.7 และ -84.7 ต่อปี ตามลำดับ แต่ชะลอตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวอยู่ที่ร้อยละ -79.8 และ -90.0 ต่อปี ตามลำดับ สำหรับในด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ พบว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ -0.5 ต่อปี จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ร้อยละ -1.0 ต่อปี

เศรษฐกิจภาคใต้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยในเดือนสิงหาคม 2563 เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากการขยายตัวของรายได้เกษตรกรที่ขยายตัวได้ที่ร้อยละ 16.8 ต่อปี และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มาอยู่ที่ระดับ 47.5 และ 81.9 ตามลำดับ ส่วนหนึ่งเนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้มีการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวยังชะลอตัวโดยจำนวนผู้เยี่ยมเยือนและรายได้จากการเยี่ยมเยือนหดตัวอยู่ที่ร้อยละ -67.8 และ -87.5 ต่อปี ตามลำดับ จากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวอยู่ที่ร้อยละ -68.0 และ -87.1 ต่อปี ตามลำดับ สำหรับในด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ พบว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ -1.1 ต่อปี จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ร้อยละ -1.8 ต่อปี

ที่มา: สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ