รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังภูมิภาคประจำเดือนกันยายน 2563

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday October 29, 2020 11:50 —กระทรวงการคลัง

สถานการณ์เศรษฐกิจภูมิภาคในเดือนกันยายน 2563 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในหลายภูมิภาค อาทิ ภาคเหนือ และภาคตะวันออก โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนภาคเอกชน โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Disease 2019: COVID-19) ในช่วงที่ผ่านมา

นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง พร้อมด้วยนายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และนายพิสิทธิ์ พัวพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนกันยายน 2563 ว่า ?สถานการณ์เศรษฐกิจภูมิภาคในเดือนกันยายน 2563 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในหลายภูมิภาค อาทิ ภาคเหนือ และภาคตะวันออก โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนภาคเอกชน โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Disease 2019: COVID-19) ในช่วงที่ผ่านมา? โดยมีรายละเอียดดังนี้

เศรษฐกิจภาคเหนือปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า โดยในเดือนกันยายน 2563 เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน ซึ่งสะท้อนจากจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ และภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ขยายตัวร้อยละ 14.1 และ 2.8 ต่อปี ตามลำดับ โดยได้รับปัจจัยสนัยสนุนจากรายได้เกษตรกรที่ขยายตัวได้ร้อยละ 1.5 ต่อปี สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน พบว่า จำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่กลับมาขยายตัวที่ร้อยละ 10.1 ต่อปี และเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการ ขยายตัวได้ร้อยละ 723.1 ต่อปี ด้วยเงินทุนจำนวน 1,964 ล้านบาท จากโรงงานทำแป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้งในจังหวัดลำปาง เป็นสำคัญ อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวยังชะลอตัวโดยจำนวนผู้เยี่ยมเยือนและรายได้จากการเยี่ยมเยือนลดลงร้อยละ -35.2 และ -55.4 ต่อปี ตามลำดับ จากเดือนก่อนหน้าที่ลดลงร้อยละ -35.2 และ -59.3 ต่อปี ตามลำดับ สำหรับในด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ พบว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ -1.0 ต่อปี จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ร้อยละ -0.5 ต่อปี จากราคากลุ่มพลังงาน และอาหารสดที่ลดลง

เศรษฐกิจภาคตะวันออกปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า โดยในเดือนกันยายน 2563 เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนซึ่งสะท้อนจากรายได้เกษตรกรขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 20.8 ต่อปี มาอยู่ที่ร้อยละ 15.0 ต่อปี และภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ที่ขยายตัวได้ร้อยละ 0.1 ต่อปี ซึ่งเป็นการกลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการขยายตัวได้ดีอยู่ที่ร้อยละ 164.5 ต่อปี ด้วยเงินทุนจำนวน 3,020 ล้านบาท จากโรงงานฆ่าสัตว์ปีกในจังหวัดสระแก้ว เป็นสำคัญ นอกจากนี้ จำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่กลับมาขยายตัวได้ที่ร้อยละ 6.3 ต่อปี ซึ่งเป็นการกลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน นับตั้งแต่ตุลาคม 2562 อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวยังชะลอตัวโดยจำนวนผู้เยี่ยมเยือนและรายได้จากการเยี่ยมเยือนลดลงร้อยละ -44.1 และ -72.6 ต่อปี ตามลำดับ เทียบกับที่ลดลงร้อยละ -44.4 และ -74.8 ต่อปี ตามลำดับ ในเดือนก่อนหน้า สำหรับด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ พบว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ -1.0 ต่อปี จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ร้อยละ -0.8 ต่อปี

เศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า โดยในเดือนกันยายน 2563 เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนหลายตัวปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่อง เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ จำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ และรายได้เกษตรกรที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 22.9 7.0 และ 2.3 ต่อปี ตามลำดับ สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 2.2 ต่อปี ซึ่งเป็นการกลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 11 เดือน นับตั้งแต่กันยายน 2562 อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวยังชะลอตัวโดยจำนวนผู้เยี่ยมเยือนและรายได้จากการเยี่ยมเยือนลดลงร้อยละ -32.3 และ -43.5 ต่อปี ตามลำดับ จากเดือนก่อนหน้าที่ลดลงร้อยละ -32.3 และ -46.7 ต่อปี ตามลำดับ สำหรับในด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ พบว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ -1.0 ต่อปี จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ร้อยละ -0.3 ต่อปี

เศรษฐกิจภาคกลางปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้าโดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชน โดยในเดือนกันยายน 2563 เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น โดยภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ และรายได้เกษตรกรขยายตัวร้อยละ 1.9 และ 8.5 ต่อปี ตามลำดับ สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน พบว่าจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ชะลอตัวมาอยู่ที่ร้อยละ -32.7 ต่อปี จากเดือนก่อนหน้าชะลอตัวลงที่ร้อยละ -37.8 ต่อปี อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวยังชะลอตัวโดยจำนวนผู้เยี่ยมเยือนและรายได้จากการเยี่ยมเยือนลดลงอยู่ที่ร้อยละ -48.6 และ -61.8 ต่อปี ตามลำดับ แต่ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ชะลอตัวร้อยละ -54.2 และ -66.6 ต่อปี ตามลำดับ สำหรับในด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ พบว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ -1.1 ต่อปี จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ร้อยละ -0.9 ต่อปี

เศรษฐกิจภาคตะวันตกดีปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้าโดยเฉพาะการลงทุนภาคเอกชน โดยในเดือนกันยายน 2563 เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการขยายตัวสูงที่ร้อยละ 179.7 ต่อปี ด้วยเงินทุนจำนวน 469 ล้านบาท จากโรงงานชุบโลหะและเคลือบผิวโลหะด้วยกัลวาไนซ์ในจังหวัดเพชรบุรี เป็นสำคัญ นอกจากนี้ จำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 จากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 2.2 ต่อปี มาอยู่ที่ร้อยละ 0.7 ต่อปี สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนซึ่งสะท้อนจากรายได้เกษตรกรขยายตัวต่อเนื่องมาอยู่ที่ร้อยละ 29.4 ต่อปี อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวยังชะลอตัวโดยจำนวนผู้เยี่ยมเยือนและรายได้จากการเยี่ยมเยือนลดลงร้อยละ -18.3 และ -44.2 ต่อปี ตามลำดับ แต่ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ชะลอตัวร้อยละ -21.3 และ -45.9 ต่อปี ตามลำดับ สำหรับด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ พบว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ -1.1 ต่อปี จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ร้อยละ -0.8 ต่อปี

เศรษฐกิจภาคใต้ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้าโดยเฉพาะการลงทุนภาคเอกชน โดยในเดือนกันยายน 2563 เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น สะท้อนจากจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ที่ขยายตัวร้อยละ 3.8 ต่อปี ซึ่งเป็นการกลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน นับตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2563 นอกจากนี้ เงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการขยายตัวได้ดีอยู่ที่ร้อยละ 88.7 ต่อปี ด้วยเงินทุนจำนวน 516 ล้านบาท จากศูนย์บริการซ่อมรถยนต์ในจังหวัดปัตตานี เป็นสำคัญ นอกจากนี้ เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น สะท้อนจากการขยายตัวของรายได้เกษตรกรที่ขยายตัวต่อเนื่องมาอยู่ที่ร้อยละ 26.0 ต่อปี อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวยังชะลอตัวโดยจำนวนผู้เยี่ยมเยือนและรายได้จากการเยี่ยมเยือนลดลงร้อยละ -63.8 และ -85.1 ต่อปี ตามลำดับ แต่ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ชะลอตัวร้อยละ -67.8 และ -87.5 ต่อปี ตามลำดับ สำหรับด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ พบว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ -1.3 ต่อปี จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ร้อยละ -1.1 ต่อปี

เศรษฐกิจ กทม.และปริมณฑลดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยในเดือนกันยายน 2563 เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนชะลอตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้า สะท้อนจาก ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ที่ลดลงร้อยละ -0.1 -23.1 และ -4.5 ต่อปี ตามลำดับ จากเดือนก่อนหน้าที่ลดลงร้อยละ -3.0 -30.7 และ -9.8 ต่อปี ตามลำดับ เช่นเดียวกับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ที่ลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ -14.7 ต่อปี จากเดือนก่อนหน้าที่ลดลงร้อยละ -20.2 ต่อปี อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวยังชะลอตัวโดยจำนวนผู้เยี่ยมเยือนและรายได้จากการเยี่ยมเยือนลดลงร้อยละ -67.9 และ -84.1 ต่อปี ตามลำดับ แต่ชะลอตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ลดลงร้อยละ -65.7 และ -84.3 ต่อปี ตามลำดับ สำหรับในด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ พบว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ -0.55 ต่อปี จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ร้อยละ -0.51 ต่อปี

ที่มา: กระทรวงการคลัง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ