ฉบับที่ 139/2566 วันที่ 28 พฤศจิกายน 2566
การแก้ไขปัญหา
หนี้นอกระบบที่เป็นวาระแห่งชาติ
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการ
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษก
กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นาย
กฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการ
กระทรวงการคลัง ได้เข้าร่วมงานแถลงนโยบายการแก้ไขปัญหา
หนี้นอกระบบที่เป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งมีนายเศรษฐา ทวีสิน นายก
รัฐมนตรีและ
รัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงการคลัง เป็นประธาน เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยนายก
รัฐมนตรีและ
รัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงการคลังได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการแก้ไขปัญหา
หนี้นอกระบบ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในเชิงรุกเพื่อที่จะต่อสู้กับปัญหา
หนี้นอกระบบของประชาชนในทุกมิติอย่างครบวงจรและต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการปราบปรามเจ้า
หนี้นอกระบบอย่างจริงจัง เป็นตัวกลางในการช่วยไกล่เกลี่ย
หนี้นอกระบบ และจัดให้มีแหล่งสินเชื่อในระบบ สำหรับในส่วนของ
กระทรวงการคลังจะเข้ามามีบทบาทในการช่วยเหลือดูแลลูก
หนี้นอกระบบให้เข้ามาเป็นลูกหนี้ในระบบเพื่อให้หลุดพ้นจากวงจรการเป็นหนี้สินล้นพ้นตัว
ในการนี้ นาย
กฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการ
กระทรวงการคลัง ได้กล่าวถึงการดำเนินการในส่วนของ
กระทรวงการคลังว่า ปัจจุบันสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐโดยธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จัดให้มีแหล่งเงินทุนในระบบผ่านโครงการสินเชื่อเพื่อแก้ไข
หนี้นอกระบบที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการสินเชื่อธนาคารประชาชนเพื่อแก้ไข
หนี้นอกระบบโดยธนาคารออมสิน วงเงินสินเชื่อรายละไม่เกิน 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate) ร้อยละ 1 ต่อเดือน ระยะเวลากู้ไม่เกิน 5 ปี สินเชื่อเพื่อผู้ประกอบอาชีพอิสระรายย่อยเพื่อเป็นเงินทุนหรือเสริมสภาพคล่องในการประกอบอาชีพโดยธนาคารออมสิน วงเงินสินเชื่อไม่เกินรายละ 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate) ร้อยละ 1 ต่อเดือน ระยะเวลาชำระคืนเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 8 ปี หรือ 96 งวด และสินเชื่อกองทุนหมุนเวียนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจนโดย ธ.ก.ส. เพื่อสงวนรักษาที่ดินจากการจำนอง ขายฝาก หรือใช้ที่ดินเป็นประกัน วงเงินสูงสุด 2.5 ล้านบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี ระยะเวลาชำระหนี้ไม่เกิน 20 ปี สำหรับเจ้า
หนี้นอกระบบ หากต้องการจะประกอบธุรกิจการให้สินเชื่อที่ถูกต้องตามกฎหมาย สามารถยื่นขออนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์กับ
กระทรวงการคลังได้ โดยใบอนุญาตประเภทพิโกไฟแนนซ์มีเงื่อนไขสำคัญเบื้องต้น คือ ต้องมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท สามารถปล่อยสินเชื่อให้ลูกหนี้รายละไม่เกิน 50,000 บาท และเรียกเก็บดอกเบี้ยแบบมีหลักประกันได้ไม่เกินร้อยละ 33 ต่อปี และแบบไม่มีหลักประกันได้ไม่เกินอัตราร้อยละ 36 ต่อปี แบบลดต้นลดดอก สำหรับใบอนุญาตประเภทพิโกพลัสต้องมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท สามารถปล่อยสินเชื่อให้ลูกหนี้รายละไม่เกิน 100,000 บาท โดยสินเชื่อในส่วนที่เกิน 50,000 บาทขึ้นไป เก็บอัตราดอกเบี้ยสูงสุดได้ไม่เกินร้อยละ 28 ต่อปี แบบลดต้นลดดอก ทั้งนี้ ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ไม่สามารถรับฝากเงินจากประชาชนได้ และสามารถเปิดให้บริการปล่อยสินเชื่อได้เฉพาะภายในจังหวัดที่ได้รับใบอนุญาตเท่านั้น
ทั้งนี้ ณ เดือนตุลาคม 2566 มีผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์และเปิดดำเนินการแล้วสะสมสุทธิ 1,132 ราย ใน 75 จังหวัด (ยกเว้นอ่างทองและสิงห์บุรี) และ ณ เดือนกันยายน 2566 มีการอนุมัติสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ให้กับประชาชนรายย่อยไปแล้วสะสมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 3,797,385 ล้านบัญชี รวมเป็นวงเงิน 36,431.83 ล้านบาท โดยนิติบุคคลที่สนใจประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์สามารถดูข้อมูลรายการยื่นคำขออนุญาตได้ที่ www.1359.go.th และสำหรับประชาชนที่สนใจขอกู้สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ ได้ที่ www.1359.go.th เช่นกัน
กองนโยบายพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
โทร. 0 2169 7130
ที่มา: กระทรวงการคลัง