Macro Morning Focus ประจำวันที่ 29 ก.ค.51
SUMMARY:
- ธปท.ลดเป้าGDP ปี 2551 ขยายตัวร้อยละ 4.8-5.8 ต่อปี
- ปตท. ประกาศปรับลดราคาน้ำมันดีเซลลง
- รัฐสภาสหรัฐผ่านร่างกฎหมายกอบกู้ Fannie Mae และ Freddie Mac
HIGHLIGHT:
1. ธปท.ลดเป้าGDP ปี 2551 ขยายตัวร้อยละ 4.8-5.8 ต่อปี
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงผลคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ปี 2551 ขยายตัวร้อยละ 4.8-5.8 ต่อปี จากเดิมในเดือนเม.ย.ที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.8-6.0 ต่อปี เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากคาดว่าการบริโภคและการลงทุนน่าจะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้ ขณะที่คาดว่าเงินเฟ้อในปี 2551 จะอยู่ที่ร้อยละ 7.5-8.8 ต่อปี จากเดิมคาดไว้ร้อยละ 4.0-5.0 ต่อปี และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน(Core CPI)จะอยู่ที่ร้อยละ 2.8-3.8 จากเดิมคาดไว้ร้อยละ 1.5-2.5 โดยธปท.คาดว่า ในระยะสั้น Core CPI จะเกินเป้าที่ร้อยละ 3.5 แต่เป็นอัตราที่ยอมรับได้
- สศค.คาดว่า ในปี 51 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่ร้อยละ 5.0-6.0 ต่อปี เนื่องจากได้รับแรงส่งต่อเนื่องจากอัตราการขยายตัวในไตรมาส 1 ปี 2551 ที่สูงถึงร้อยละ 6.0 ต่อปี ในขณะที่แรงขับเคลื่อนหลักจากอุปสงค์ภายนอกประเทศยังคงขยายตัวได้ดีและอุปสงค์ภายในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากฐานที่ต่ำในปีก่อน โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากรายได้เกษตรกรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากตามราคาสินค้าเกษตรที่สูงขึ้น การปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ รวมถึงมาตรการรัฐบาลเพื่อกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจ และการเร่งรัดการเบิกจ่ายของรัฐบาล
2. ปตท. ประกาศปรับลดราคาน้ำมันดีเซลลง
- บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) ได้นำผู้ค้าน้ำมันรายอื่น ในการประกาศปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลง 80 สตางค์ต่อลิตร โดยมีผลตั้งแต่เวลา 05.00 น. วันนี้ ทั้งนี้ จะส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลงมาอยู่ที่ 37.94 บาทต่อลิตร และดีเซล บี 5 ปรับลดลงมาอยู่ที่ 37.44 บาทต่อลิตร โดยสาเหตุของการปรับลดราคาน้ำมันในครั้งนี้ เป็นผลมาจากราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดสิงคโปร์ ได้ปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก นอกจากนี้ บริษัท เชลล์ (ประเทศไทย) ได้ตัดสินใจประกาศปรับลดราคาน้ำมันดีเซลลง 80 สตางค์ต่อลิตร ในวันนี้เช่นเดียวกับ ปตท. ขณะที่ผู้ค้าน้ำมันรายอื่นคาดว่าจะมีการประกาศปรับลดราคาน้ำมันดีเซลลงตาม ปตท.ในวันพรุ่งนี้เช่นกัน
- สศค.วิเคราะห์ว่า เนื่องจากมาตรการภาษีปรับลดน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 2.10 — 2.30 บาทต่อลิตร และแนวโน้มราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซลในประเทศปรับลดลงซึ่งจะส่งผลดีในการช่วยบรรเทาแรงกดดันเงินเฟ้อซึ่ง สศค. พบว่าหากราคาน้ำมันปรับลง 1 ดอลลาร์ในช่วงต่อไปจะส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกลดลง 30 สตางค์ต่อลิตร อย่างไรก็ตาม หากในระยะยาวแนวโน้มของราคาน้ำมันดีเซลมีการปรับบลดลงต่อเนื่องจะส่งผลดีต่อยอดขายรถยนต์พาณิชย์ (รถปิ๊กอัพ)ให้กลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง
3. รัฐสภาสหรัฐผ่านร่างกฎหมายกอบกู้ Fannie Mae และ Freddie Mac
- รัฐสภาของสหรัฐได้ผ่านร่างกฎหมายกอบกู้ภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยจะจัดตั้งกองทุนจำนวน 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อช่วยเหลือเจ้าของที่อยู่อาศัยที่จะถูกยึดจำนอง (Foreclosure) ซึ่งคาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 2.5 ล้านครัวเรือน และยังเข้าช่วยเหลือสถาบันการเงินเพื่อการจำนองที่อยู่อาศัย Fannie Mae และ Freddie Mac ที่กำลังประสบปัญหาทางการเงิน โดยสถาบันทั้งสองสามารถเข้ากู้เงินฉุกเฉินจากกองทุนดังกล่าวได้หากเกิดปัญหาสภาพคล่อง นอกจากนั้น ยังให้เงินอุดหนุนอีกกว่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับชุมชนต่าง ๆ ทั่วสหรัฐเพื่อใช้ในการซื้อและซ่อมแซมบ้านที่ถูกยึดจำนองอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายดังกล่าวกำลังรอการลงนามจากประธานาธิบดี ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่ากฎหมายนี้จะมีผลบังคับใช้ในเดือน ต.ค. 51
- สศค.วิเคราะห์ว่า แม้ว่ากองทุนดังกล่าวจะสามารถเข้าช่วยเหลือปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงินของ Fannie Mae และ Freddie Mac และเข้าช่วยภาคอสังหาริมทรัพย์สหรัฐได้บ้าง แต่อาจจะช้าเกินไปและไม่สามารถเข้าช่วยพยุงภาวการณ์ตกต่ำในระยะสั้นของภาคอสังหาริมทรัพย์ได้ ซึ่ง สศค. คาดว่าสถานการณ์การชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์สหรัฐจะยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง โดยราคาที่อยู่อาศัยที่ปัจจุบันหดตัวประมาณร้อยละ -16 จากจุดสูงสุดในปี 48 จะยังคงหดตัวต่อเนื่องจนถึงจุดต่ำสุดที่ร้อยละ -25 ต่อปีในปี 52
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th