รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 22 ธันวาคม 2551

ข่าวเศรษฐกิจ Monday December 22, 2008 10:16 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 22 ธ.ค. 2551

SUMMARY:
  • ส.อ.ท สำรวจพบกลุ่มอุสาหกรรม 18 กลุ่มมีแนวโน้มเลิกจ้างงานในปี 2552
  • เอกชนแนะรัฐเร่งฟื้นธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์
  • ว่าที่ปธน.สหรัฐฯตั้งเป้าใหม่ เพิ่มงาน 3 ล้านคนภายใน 2 ปี
HIGHLIGHT:
1. ส.อ.ท สำรวจพบกลุ่มอุสาหกรรม 18 กลุ่มมีแนวโน้มเลิกจ้างงานในปี 2552
  • สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท) สำรวจผู้ประกอบการ 302 รายจาก 67 จังหวัดและ 32 กลุ่มอุตสาหกรรม ถึงผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเก็ดขึ้นใน 3-6 เดือนข้างหน้า พบว่ามี 18 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเลิกจ้างหรือปิดกิจการ (ร้อยละ 2.3 ของผลสำรวจ) เช่นอุตสาหรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อัญมณีและเครื่องประดับ ชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ พลาสติก ปูนซีเมนต์โรงแรมและบริการ นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่าร้อยละ 53.7 40.7 และ 3.3 ของผู้ประกอบการได้รับผลกระทบมากได้รับผลกระทบน้อย และไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจ ตามลำดับ
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ผลจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในทั่วโลก เริ่มส่งผลต่อภาคเศรษฐกิจจริงของประเทศไทยแล้ว เนื่องจากประเทศไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อการส่งออกของวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปในหลายประเภทอุตสาหกรรม โดยอัตราการขยายตัวของปริมาณการส่งออกสินค้า ณ เดือนตุลาคม ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ร้อยละ -2.6 อีกทั้งดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมก็หดตัวร้อยละ -0.9 ต่อปี เช่นกัน สะท้อนว่าจะมีปัญหาต่อการจ้างงานในอนาคต ทั้งนี้ สศค.คาดการณ์ว่า หาก GDP ของไทยลดลงร้อยละ 1 จะทำให้มีการตกงานเพิ่มขึ้น 300,000 ตำแหน่ง
2. เอกชนแนะรัฐเร่งฟื้นธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์
  • อุปนายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยว่า ภาคเอกชนเห็นควรว่าจะต้องมีการเพิ่มการลดหย่อนภาษีจากดอกเบี้ยเงินกู้ที่อยู่อาศัยจาก 1 แสนบาท เป็น 1.5 แสนบาท ในการขยายฐานการซื้อบ้านจาก 1.5 ล้านบาทเป็น 2 ล้านบาท นอกจากนี้ ควรจะมีการขยายระยะเลาเช่า 30 ปี เป็น 90 ปี และการขยายการถือครองห้องชุดของต่างชาติให้มากกว่าร้อยะ 49 โดยกำหนดทำเลที่มีชาวต่างชาตินิยมซื้อ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทย
  • สศค. วิเคราะห์ว่า จากการที่ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีการสัญญาณการชะลอตัวมาตั้งแต่ปลายปี 50 นั้นภาครัฐมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการลดภาษีการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ ยังคาดว่าหากรัฐบาลสามารถสร้างความเชื่อมั่นทางการเมืองและผลักดันการลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐ (mega Project) ได้ จะช่วยให้บรรยากาศการลงทุนได้ดีขึ้น ในขณะที่ อัตราดอกเบี้ยนโยบายได้มีการปรับลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 1.75 ต่อปีแล้ว
3. ว่าที่ปธน.สหรัฐฯตั้งเป้าใหม่ เพิ่มงาน 3 ล้านคนภายใน 2 ปี
  • นายบารัค โอบามา ว่าที่ปธน.สหรัฐฯ ประกาศปรับเป้าเพิ่มการจ้างงาน จากเดิม 2.5 ล้านตำแหน่ง เป็น 3 ล้านตำแหน่งในระยะเวลา 2 ปี ผลจากสภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ย่ำแย่ลงอย่างต่อเนื่อง และอาจย่ำแย่กว่าวิกฤตเมื่อครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา มีแนวโน้มที่จะมีคนตกงานถึง 3-4 ล้านคน ในขณะที่ว่าที่รองปธร.สหรัฐฯ เผยว่ารัญบาลใหม่อาจะมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจอีกราว 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ประธานทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจ กล่าวว่าภารกิจแรกของนายโอบามาคือการลงนามในแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่เน้นการลงทุนสาธารณูปโภคพื้นฐานเพื่อกระตุ้นการจ้างงาน
  • สศค. วิเคราะห์ว่า วิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐที่มีที่มาจากภาคการเงิน กำลังลุกลามไปยังภาคเศรษฐกิจจริงโดยเฉพาะการจ้างงาน อย่างรวดเร็วและรุนแรง โดยในเดือนต.ค.และพ.ย.ที่ผ่านมา การจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯลดลงถึง 3.2 แสน และ 5.3 แสนตำแหน่ง ตามลำดับ นโยบายการเพิ่มการจ้างงานของว่าที่ปธน.สหรัฐฯดังกล่าว จึงควรต้องนำมาปฏิบัติอย่างรวดเร็วและทันท่วงที ทั้งนี้ หากสหรัฐฯรักษาระดับการจ้างงานได้จะช่วยรักษากำลังซื้อของผู้บริโภค อันเป็นเครื่องจักสำคัญของการเติบโตของสหรัฐ ซึ่งจะเป็นผลบวกกับเศรษฐกิจโลก

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ