Macro Morning Focus ประจำวันที่ 16 ก.พ. 2552
SUMMARY:
- นรม. สั่งการ ธปท. รายงานสถานการณ์ค่าเงินใกล้ชิด
- ค่ายรถแห่ “ลดกะ-คน” รับวิกฤต
- เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศยูโรโซนหดตัวร้อยละ -5.9 ต่อปี ในไตรมาส 4/2551
HIGHLIGHT:
1. นรม. สั่งการ ธปท. รายงานสถานการณ์ค่าเงินใกล้ชิด
- นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานสถานการณ์ค่าเงินอย่างใกล้ชิดหลังจากภาคการส่งออกมีการหดตัวอย่างรุนแรง โดยในเดือน ธ.ค. มูลค่าการส่งออกหดตัวถึงร้อยละ -14.6 ต่อเนื่องจากเดือน พ.ย. ที่หดตัวร้อยละ -20.5 ขณะที่ค่าเงินของประเทศคู่แข่งด้านส่งออกของไทยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง จนเป็นไปได้ว่าประเทศเหล่านั้นอาจลดค่าเงินเพื่อช่วยเหลือภาคส่งออกของตน
- สศค. วิเคราะห์ว่านับจากต้นปี 52 เป็นต้นมา ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงประมาณร้อยละ 1.0 เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินประเทศเพื่อนบ้านของไทย เช่น มาเลเซีย อินโดนิเซีย เกาหลี และสิงคโปร์ อ่อนค่าประมาณลงร้อยละ 4-10 ในขณะที่มีหลักฐานว่าประเทศเพื่อนบ้าน เช่น จีน เกาหลี และ ฟิลิปปินส์ เข้าแทรกแซงค่าเงินอย่างต่อเนื่อง (Competitive Devaluation) ทำให้ทุนสำรองของประเทศดังกล่าวเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 0.5-5.5 ทั้งนี้ การที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงน้อยกว่าเพื่อนบ้าน ทำให้ความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของสินค้าส่งออกไทย (วัดจากดัชนีค่าเงินบาทที่แท้จริงหรือ REER) ลดลงประมาณร้อยละ 3.0 นับจากต้นปี
2. ค่ายรถแห่ “ลดกะ-คน” รับวิกฤต
- กรุงเทพธุรกิจสำรวจ ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการผลิตและการจ้างงานของบ.ในอุตสาหกรรมยานยนต์พบว่า แรงงานภาคยานยนต์ทั้งหมดอาจตกงานนับแสนคนในปี 52 เนื่องจากค่ายรถยนต์เริ่มปรับคนงานมาตั้งแต่ปี 51 หลังจากยอดจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศลดลงอย่างต่อเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับค่ายรถใหญ่ๆของโลก
- ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติที่บ่งชี้ว่า การจ้างงานในกลุ่มการผลิตรถยนต์ในเดือนธ.ค.51 หดตัวลงถึง — 11.2 ต่อปี
- สศค. วิเคราะห์ว่า วิกฤตเศรษฐกิจโลกส่งผลให้รายได้ประชาชนลดลงเนื่องจากภาคการส่งออกสินค้าซึ่งเป็นสัดส่วนร้อยละ 56.8 ของ GDP ส่งผลทำให้ความต้องการซื้อสินค้าคงทนลดลง ทั้งนี้ยอดจำหน่ายรถยนต์ในเดือนม.ค.52หดตัวลงเช่น ยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งหดตัวร้อยละ -10.0 ต่อปี รถยนต์เชิงพาณิชย์หดตัว -39.5 ต่อปี และยอดรถจักรยานยนต์หดลงร้อยละ -21.6 ต่อปี ส่งผลทำให้ผู้ผลิตปรับลดการผลิตและจำนวนคนงานลงเพื่อลดต้นทุน ทั้งนี้ สศค.คาดว่าในปี 52 จะมีการว่างงานประมาณ 1.0-1.2 ล้านคน
3. เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศยูโรโซนหดตัวร้อยละ -5.9 ต่อปี ในไตรมาส 4/2551
- เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโรหดตัวร้อยละ -5.9 ต่อปีในไตรมาสสุดท้ายของปี 2551 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ต่ำที่สุดในรอบกว่า 3 ทศวรรษ ส่งผลให้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา รัฐบาลเยอรมันและอิตาลี ต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมมูลค่า 50 และ 8 พันล้านยูโร ตามลำดับ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและแก้ไขปัญหาการว่างงานที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ ประเทศในยุโรปที่ไม่ได้ใช้เงินสกุลยูโร เช่น สาธารณรัฐและฮังกาลี ก็ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในยุโรปด้วยเช่นกัน เนื่องจากเป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออกไปยังประเทศเยอรมันและประเทศในยุโรปตะวันออก
- สศค. วิเคราะห์ว่าความพยายามของประเทศต่างๆ ในการใช้นโยบายการเงินผ่านการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจดูจะไม่เพียงพอที่จะแก้ไขปัญหาอีกต่อไป ทำให้คาดว่าในประเทศต่างๆ นโยบายทางการคลังจะมีบทบาทเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม การใช้นโยบายการคลังของแต่ละประเทศ ขึ้นอยู่กับศักยภาพทางการคลังของประเทศนั้นๆ ด้วย และถึงแม้ว่าเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาสหภาพยุโรปจะขอให้ประเทศสมาชิกกระตุ้นเศรษฐกิจคิดเป็นร้อยละ 1.5 ของ GDP แต่จนถึงสัปดาห์นี้ ประเทศในยุโรปใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจในสัดส่วนเพียงร้อยละ 1 ของ GDP เท่านั้น
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th