ฐานะการคลังภาครัฐบาล (รัฐบาล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) ตามระบบ สศค. ไตรมาสแรก (ตุลาคม — ธันวาคม 2551) ประจำปีงบประมาณ 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday February 24, 2009 14:56 —กระทรวงการคลัง

นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยฐานะการคลังเบื้องต้นตามระบบ สศค. (ระบบ Government Finance Statistics: GFS) ในไตรมาสแรก (ตุลาคม — ธันวาคม 2551) ประจำปีงบประมาณ 2552 สรุปได้ว่า ภาครัฐบาล (รัฐบาล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ) อัดฉีดเงินสุทธิเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหรือขาดดุลการคลังทั้งสิ้น 124,800 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1.3 ของ GDP ขาดดุลเพิ่มขึ้นจากระยะเวลาเดียวกัน ปีที่แล้ว 55,415 ล้านบาท สะท้อนถึงบทบาทของนโยบายการคลังในการพยุงและกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2552 ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของการดำเนินนโยบายการคลังของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ โดยรายละเอียดของฐานะการคลังตามระบบ สศค. สรุปได้ดังนี้

1. รายได้ภาครัฐบาลมีจำนวนทั้งสิ้น 419,873 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 4.5 ของ GDP) ลดลงเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 13.1 โดยเป็นผลจากการลดลงทั้งในส่วนของรายได้รัฐบาล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีรายละเอียดดังนี้

1.1 รัฐบาลมีรายได้รวม 274,787 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 3.0 ของ GDP) ลดลงเมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 16.4 ทั้งนี้ เนื่องจากการจัดเก็บรายได้ของ 3 กรมหลัก (กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร) ที่ลดลง และการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจที่ต่ำกว่า ระยะเดียวกันปีก่อน รวมทั้งเป็นผลจากการคืนภาษีของกรมสรรพากรที่เพิ่มขึ้นมากด้วย

1.2 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คาดว่าจะมีรายได้ทั้งสิ้น 51,436 ล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 17.8 เนื่องจากได้รับเงินอุดหนุนทั่วไปจากรัฐบาลช้ากว่าปีที่แล้ว ซึ่งปีที่แล้วได้รับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2550 (ในปีนี้ได้รับงวดแรกในเดือนมกราคม 2552)

1.3 บัญชีนอกงบประมาณซึ่งประกอบด้วยกองทุนนอกงบประมาณและเงินฝากนอกงบประมาณ มีรายได้รวม 93,650 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 1.6

2. รายจ่ายของภาครัฐบาล (รวมการให้กู้หักชำระคืนตามนโยบายรัฐบาล) ซึ่งมีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจจริง มีจำนวน 544,674 ล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 1.5 โดยเป็นการลดลงของรายจ่ายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกองทุนนอกงบประมาณ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

2.1 การเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลมีจำนวนทั้งสิ้น 399,686 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 4.3 ของ GDP) เพิ่มขึ้น 8,720 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 2.2 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีที่แล้วที่มีรายจ่ายทั้งสิ้น 390,966 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 4.3 ของ GDP)

2.2 รายจ่ายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคาดว่าจะมีจำนวนทั้งสิ้น 65,652 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.7 ของ GDP ลดลงจากระยะเดียวกันปีที่แล้วที่มีรายจ่ายจำนวน 77,975 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 0.9 ของ GDP

2.3 รายจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ (Project Loans) มีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น 2,283 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,204 ล้านบาท เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีที่แล้วที่มีการเบิกจ่ายเพียง 79 ล้านบาท เนื่องจากปีที่ผ่านมาไม่มีการเบิกจ่ายในส่วนของเงินกู้ Structural Adjustment Loans (SAL)

2.4 บัญชีนอกงบประมาณมีรายจ่ายและเงินให้กู้หักชำระคืนตามนโยบายรัฐบาลรวม 77,053 ล้านบาท ลดลงจากระยะเวลาเดียวกันปีที่แล้ว ร้อยละ 7.9 ซึ่งมีสาเหตุจากรายจ่ายของกองทุนลดลง เช่น รายจ่ายเพื่อชดเชยราคาน้ำมันของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น

3. ดุลการคลังภาครัฐบาล ผลจากการที่ภาครัฐบาลมีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ส่งผลให้ขาดดุลการคลังจำนวน 124,800 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 1.3 ของ GDP ขาดดุลเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีที่แล้วที่ขาดดุลจำนวน 69,386 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 0.8 ของ GDP

4. ดุลการคลังเบื้องต้นของรัฐบาล (Primary Balance) ซึ่งเป็นดุลการคลังที่สะท้อนถึงผลการดำเนินงานของรัฐบาลและทิศทางของนโยบายการคลังของรัฐบาลอย่างแท้จริง โดยไม่รวมรายได้และรายจ่ายดอกเบี้ย และการชำระคืนต้นเงินกู้ ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2552 ขาดดุลทั้งสิ้น 92,471 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 1.0 ของ GDP) ในขณะที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วขาดดุล 38,086 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.4 ของ GDP)

สำนักนโยบายการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

โทร. 0-2273-9021 ต่อ 3545, 3555

--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 22/2552 24 กุมภาพันธ์ 52--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ