รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 11 มีนาคม 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday March 11, 2009 12:00 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 11 มี.ค. 2552

SUMMARY:

1. ธปท. เล็งปรับเกณฑ์ “ค่าเงิน” เพิ่มความคล่องตัวผู้ส่งออก

2. รัฐบาลจีนมั่นใจ อนาคตส่งออกยังสดใส พร้อมใช้นโยบายภาษีส่งออก 0%

3. IMF คาดเศรษฐกิจโลกติดลบครั้งแรกในรอบ 60 ปี

HIGHLIGHT:
1. ธปท. เล็งปรับเกณฑ์ “ค่าเงิน” เพิ่มความคล่องตัวผู้ส่งออก
  • ธปท. เตรียมปรับเกณฑ์ช่วยผู้ส่งออกที่ขายดอลลาร์ล่วงหน้ายกเลิกธุรกรรมได้เองโดยไม่ต้องขอ ธปท. ก่อน โดยเป็นการแก้ไขอุปสรรคของผู้ส่งออกที่ทำสัญญาขายเงินดอลลาร์ล่วงหน้าไว้และเมื่อถึงกำหนดเวลาไม่สามารถส่งมอบเงินดอลลาร์ได้เนื่องจากไม่มีคำสั่งซื้อมาตามที่คาดไว้ สามารถขอปิดสัญญาการทำธุกรรม (Unwind Position) ได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจาก ธปท. นอกจากนี้ ธปท. ยังได้หารือธนาคารพาณิชย์เตรียมจัดทำสมุดคู่มือบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนให้ผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กใช้รับมือค่าเงินบาท เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจกับผู้ประกอบการ SME ให้มีความรู้ความเข้าใจและสามารถปรับตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินบาทได้
  • สศค. วิเคราะห์ว่า การหดตัวของการส่งออกและนำเข้า ส่งผลกระทบต่อการทำธุรกรรมทางการค้าระหว่างประเทศอย่างมาก เพราะเชื่อมโยงกับภาวะเศรษฐกิจโลกและค่าเงินสกุลหลักของโลก ซึ่งยังคงมีความผันผวนและคาดเดาได้ยาก ดังนั้น การเพิ่มความคล่องตัวในการซื้อขายเงินดอลลาร์ จึงช่วยลดผลกระทบทางลบที่ผู้ส่งออกต้องรับความเสี่ยงลงได้ระดับหนึ่ง ช่วยให้ผู้ประกอบการปรับตัวในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
2. รัฐบาลจีนมั่นใจ อนาคตส่งออกยังสดใส พร้อมใช้นโยบายภาษีส่งออก 0%
  • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของจีนเผยว่าแนวโน้มการค้าระหว่างประเทศของจีนในระยะยาวยังคงสดใส ควรใช้โอกาสนี้พัฒนาและเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดนานาชาติและต้องป้องกันไม่ให้อุปสงค์จากภายนอกลดลงอย่างฉับพลัน โดยการฟื้นนโยบายอัตราภาษีสินค้าส่งออก 0% กลับมาใช้ ขณะที่สินค้าส่งออกประเภทที่ใช้ทรัพยากรและพลังงานสูงจะยังคงจำกัดการส่งออกอยู่ นอกจากนี้ยังจะเพิ่มการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าสิ่งทอ เสื้อผ้า พร้อมทั้งกำชับให้รัฐบาลทุกระดับให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่ผู้ส่งออกด้วย
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ภาคการส่งออกของจีนกำลังเผชิญกับปัญหาอย่างหนัก เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยในเดือน ม.ค. ยอดส่งออกของจีนลดลงกว่าร้อยละ 17.5 ต่อปี ขณะที่ยอดนำเข้าลดลงถึงร้อยละ 43.1 ต่อปี สะท้อนการชะลอตัวของการบริโภคในประเทศและการชะลอคำสั่งซื้อสินค้าและวัตถุดิบเพื่อการผลิตที่ลดลง รัฐบาลจีนจึงจำเป็นต้องออกมาตรการส่งเสริมทางด้านภาษีดังกล่าวเพื่อกระตุ้นภาคการส่งออกไม่ให้หดตัวมากเกินไป นอกจากนั้นยังช่วยบรรเทาการเลิกจ้างของบริษัทที่ผลิตเพื่อการส่งออกได้อีกด้วย
3. IMF คาดเศรษฐกิจโลกติดลบครั้งแรกในรอบ 60 ปี
  • กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2552 จะขยายตัวต่ำกว่าระดับศูนย์เป็นครั้งแรกในรอบ 60 ปี โดยอาจจะได้รับผลกระทบจากการที่อำนาจของสถาบันการเงินโลกลดลงต่อเนื่องประกอบกับความมั่นใจของผู้บริโภคและธุรกิจที่ทรุดตัว กำลังส่งผลต่อความต้องการภายในประเทศทั่วโลก ในขณะเดียวกันมองว่าการค้าโลกและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ซบเซาจะกระทบกับประเทศที่ยากจน และอาจจะส่งผลต่อเนื่องต่อความขัดแย้งทางการเมืองหรือแม้กระทั่งสงคราม โดยเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา IMF มองว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวได้ร้อยละ 0.5 ในขณะที่ธนาคารโลกระบุเมื่อวันที่ 8 มี.ค.ว่าจะหดตัวมากที่สุดในรอบ 60 ปีเช่นกัน
  • สศค. วิเคราะห์ว่า การหดตัวของเศรษฐกิจโลกที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นและมีแนวโน้มถดถอยลงมากกว่าที่หลายฝ่ายเคยคาดไว้ก่อนหน้านี้ โดยบ่งชี้ได้จากเครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจในหลายประเทศทั่วโลกที่ประกาศติดลบและมีการว่างงานต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม สำหรับประเทศไทยหากรัฐบาลสามารถดำเนินนโยบายการคลังโดยเฉพาะการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณกลางปีและโครงการลงทุนขนาดใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งนี้ หากเศรษฐกิจโลกหดตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 จะทำให้เศรษฐกิจไทยหดตัวเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 1.0

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ