รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 11 สิงหาคม 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday August 11, 2009 11:20 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 11 ส.ค. 2552

SUMMARY:

1. ธปท. เสนอรัฐปรับยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ

2. ก.ล.ต. เปิดโอกาสให้บริษัทต่างชาติออกและขายหุ้นในไทย

3. โอเปคหนุนน้ำมันดิบที่ระดับ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

HIGHLIGHT:
1. ธปท. เสนอรัฐปรับยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ
  • นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้บริหารส่วนกลยุทธ์นโยบายการเงิน สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่าวิกฤตเศรษฐกิจไทยเกิดจากประเทศไทยพึ่งพิงการส่งออกไปยังสหรัฐอย่างมาก แม้ภาครัฐจะพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจโดยใช้จ่ายภาครัฐเพื่อมาชดเชยการส่งออกและการบริโภคแต่ยังไม่เพียงพอ เพราะรัฐบาลมุ่งแก้ปัญหาระยะสั้น ขาดยุทธศาสตร์การวางแผนในระยะยาวว่าเศรษฐกิจไทยควรเดินไปทางไหนช่วงเวลาที่เหลือรัฐบาลน่าจะเข้ามาแก้ปัญหาในแต่ละจุดให้มากขึ้น เพราะแก้ปัญหาในภาพรวมไปพอสมควรแล้ว ดังนั้นการเข้าไปช่วยภาคธุรกิจด้วยการแก้ปัญหาเป็นจุดๆ ให้จบไปในภาคที่ได้ผลกระทบมากน่าจะเป็นเรื่องสำคัญ
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ในไตรมาส 2 แม้จะมีสัญญาณการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจ เช่น อัตราการว่างงานที่ลดลงจากร้อยละ 1.7 ในเดือนมิ.ย. 52 มาอยู่ที่ร้อยละ 1.4 ดัชนีอุตสาหกรรมหดตัวน้อยลงต่อเนื่องมา 5 เดือนติดต่อกันในเดือนมิ.ย.อยู่ที่ร้อยละ -6.67 แต่การฟื้นตัวนั้นอาจจะไม่ใช่การฟื้นตัวที่ยั่งยืนถ้าโครงสร้างการส่งออกไทยยังคงพึ่งพาสหรัฐเป็นประเทศหลัก เพราะภายหลังจากเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวคาดว่าการต้องการสินค้าเพื่อบริโภคต้องลดลงเนื่องจากผู้บริโภคสหรัฐได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาออมมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ปริมาณสินค้าส่งออกของไทยก็ต้องลดลง ดังนั้นในระยะยาวภาครัฐควรปรับโครงสร้างการส่งออกไม่พึ่งพิงประเทศใดเป็นหลัก และพัฒนาตัวสินค้าให้แข่งขันกับตลาดโลกได้ในเรื่องต้นทุนและสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจไทยให้ยั่งยืนในอนาคต
2. ก.ล.ต. เปิดโอกาสให้บริษัทต่างชาติออกและขายหุ้นในไทย
  • สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้วางแผนให้บริษัทต่างชาติ (Foreign issuer) สามารถออกและเสนอขายหุ้นแก่นักลงทุนในประเทศไทย รวมทั้งนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับสินค้าในตลาดหุ้นไทย ทั้งนี้ ได้กำหนดให้ Foreign issuer ปฏิบัติตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติตามเกณฑ์ของสองประเทศ ขณะเดียวกันนักลงทุนไทยที่ลงทุนในหุ้นของบริษัทต่างชาติจะได้รับการคุ้มครองเท่าเทียมกับการไปลงทุนหุ้นในต่างประเทศหรือ Home exchange เช่นกัน
  • สศค. วิเคราะห์ว่าการเปิดโอกาสให้บริษัทต่างชาติสามารถออกและเสนอขายหุ้นให้แก่นักลงทุนไทยถือเป็นการผลักดันให้ตลาดหุ้นไทยเพิ่มขีดความสามารถและเตรียมพร้อมให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงระหว่างตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาค (ASEAN Common Exchange Gateway) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการพัฒนาตลาดทุนภายใต้กรอบระยะเวลา 5 ปี โดยให้เป็นตลาดทุนที่เป็นกลไขขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างเป็นระบบและมีบทบาทสำคัญ 4 ด้าน คือ (1) เปิดช่องทางหลักในการระดมทุนของโครงการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน (2) ขยายฐานภาษีให้กับรัฐบาลผ่านภาษีของบริษัทจดทะเบียน (3) เตรียมรับมือกับปัญหาชราภาพด้วยการเป็นทางเลือกของการออม และ (4) เพิ่มเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงในยุคที่เศรษฐกิจมีความผันผวน
3. โอเปคหนุนน้ำมันดิบที่ระดับ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
  • ประธานกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) และรัฐมนตรีฯ ก.พลังงานแองโกลา กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบในปัจจุบันเคลื่อนไหวที่ระดับ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ถือเป็นระดับที่ดี โดยเป็นระดับที่ทำให้โอเปคสามารถรักษาปริมาณการผลิตและกิจกรรมด้านการผลิตไว้ได้ ถ้าราคาน้ำมันเคลื่อนไหวที่ระดับต่ำกว่านี้ อาจทำให้การผลิตน้ำมันประสบปัญหาได้ ในขณะที่รัฐมนตรีฯ ก.พลังงานของคูเวตและอิหร่าน คาดว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะพุ่งขึ้นที่ระดับ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลภายในปลายปี 52 เนื่องจากเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวขึ้น
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ปัจจุบันกลุ่มโอเปคสามารถผลิตน้ำมันดิบได้ร้อยละ 40 ของผลผลิตน้ำมันดิบทั่วโลก โดยราคาน้ำมันดูไบเฉลี่ยทั้งปีถึง ณ วันที่ 11 สค. 52 อยู่ที่ 53.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทั้งนี้ สศค. คาดว่า ในปี 52 ราคาน้ำมันดูไบเฉลี่ยอยู่ที่ 61.2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (ช่วงการคาดการณ์อยู่ที่ 55.0 — 65.0 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 52 เนื่องจากอุปสงค์น้ำมันดิบหดตัวตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะอุปสงค์ที่ลดลงอย่างมากจากผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่อย่างสหรัฐฯและจีน ประกอบกับในครึ่งปีหลังทิศทางเศรษฐกิจโลกเริ่มปรับดีขึ้นอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบโลกปรับขึ้นมาตามความต้องการน้ำมันที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาขนาดใหญ่ (BRIC) อันได้แก่ บราซิล รัสเซีย อินเดียและจีน อย่างไรก็ตามหากวิกฤติเศรษฐกิจโลกกลับมารุนแรงอีกครั้งอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบโลกลดลงตาม

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ