Go out of China เป็น Motto ของจีนในปัจจุบันนี้ ทางการได้ผ่อนคลายกฎระเบียบควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินเพื่อสนับสนุนให้บริษัทจีนที่มีแผนลงทุนในต่างประเทศให้คล่องตัวขึ้น ได้แก่ 1) เงินกู้สกุลเงินตราต่างประเทศจากในประเทศ (Domestic Foreign Exchange Loans) 2) เงินตราสกุลต่างประเทศที่ใช้เงินหยวนแลก (Purchases of Foreign Exchange with Yuan) 3) เงินทุนสกุลต่างประเทศของบริษัทเอง (Foreign Currency Funds) 4) ผลกำไรของบริษัทจากต่างประเทศ (Profits Made Abroad)
นอกจากนี้ ยังสนับสนุนให้คู่ค้าใช้เงินหยวนชำระค่าสินค้า เพื่อให้เงินหยวนเป็นเงินสกุลสากลและลดการอิงสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ มากขึ้น เป็นการลดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนแก่ผู้ส่งออก โดยได้แต่งตั้งบริษัทเอกชนและธนาคารพาณิชย์เพื่อดำเนินโครงการนำร่องในการใช้เงินหยวนชำระค่าสินค้าในการค้าระหว่างประเทศ
ปริมาณเงินตามความหมายกว้าง (M2) ในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้เพิ่มอย่างรวดเร็วในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ทางการได้เริ่มพิจารณาเปลี่ยนการใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายอย่างมาก (Excessive Expansion) เป็นนโยบายการเงินที่เหมาะสม (Gradual Accommodative) โดยทางการจะใช้เครื่องมือทางการเงิน (Money Market Instruments) ดูดซับสภาพคล่องออกจากระบบมากขึ้น
ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีน (People Bank of China: PBOC) ได้ออกพันธบัตรจำนวน 100 พันล้านหยวนเพื่อบังคับธนาคารพาณิชย์บางแห่งซื้อ ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าอัตราตลาด เป็นการทำโทษ หลังจากพบว่ามีอัตราการปล่อยสินเชื่อในสัดส่วนที่สูงเกินไป ก่อนหน้านี้ PBOC ออกพันธบัตรซับสภาพคล่องครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2550
China Banking Regulatory Commission: CBRC ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลบริการการเงินทั้งหมดของจีน ได้ออกมาเตือนธนาคารพาณิชย์ให้กันสำรองเพื่อรองรับความเสี่ยงให้ครบถ้วน ตามระเบียบที่ให้ธนาคารพาณิชย์ตั้งสำรองหนี้สูญถึงร้อยละ 150 ภายในสิ้นปีนี้ เนื่องจากมีการปล่อยสินเชื่อที่รวดเร็วเกินไป โดยเข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิดในการปล่อยสินเชื่อแก่ภาคอสังหาริมทรัพย์เพื่อป้องกันการเก็งกำไร ณ สิ้นเดือน มิ.ย.52 ที่ผ่านมา การตั้งสำรองหนี้สูญของธนาคารพาณิชย์จีนอยู่ที่ระดับร้อยละ 134.3
สัดส่วน NPL ในระบบธนาคารพาณิชย์ลดลงจากร้อยละ 20 ในปี 2543 เหลือร้อยละ 1.8 ณ สิ้น มิ.ย.52 แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการปฏิรูปภาคการเงินในช่วงที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ทางการจีนกำลังเตรียมอนุญาตให้บริษัทต่างประเทศสามารถมาจดทะเบียนระดมเงินทุนในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศ ในจำนวนนี้มี Hong Kong Shanghai Banking Corporation, China Mobile Ltd.ที่มีฐานในฮ่องกง เป็นต้น แสดงให้เห็นว่าจีนต้องการลดความร้อนแรงในตลาดหลักทรัพย์อันอาจนำไปสู่ภาวะฟองสบู่ และได้ผ่อนคลายกฎระเบียบด้านการควบคุมการเคลื่อนย้ายเงินทุนให้มีความเป็นเสรีมากขึ้น
ทางด้านเศรษฐกิจ มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง อัตราการเจริญเติบโตของ GDP ไตรมาส 2 อยู่ที่ร้อยละ 7.9 เทียบกับไตรมาส 1 ที่ร้อยละ 6.1 เป็นผลจากทางการทุ่มเงินงบประมาณจำนวนมหาศาลกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว แต่การส่งออก/นำเข้ายังคงอ่อนแอเนื่องจากอุปสงค์ภายนอกประเทศยังไม่ฟื้น
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 10.7 เทียบกับร้อยละ 8.9 ในเดือน พ.ค. 52 โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมหนัก
สำนักงานที่ปรึกษาเศรษฐกิจการคลัง ประจำกรุงโตเกียว
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th