สรุปความเห็นนักวิเคราะห์ต่อทิศทางตลาดเงินตลาดทุนสัปดาห์นี้
คาดว่าค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้จะอ่อนค่าลงเล็กน้อยจากสัปดาห์ก่อน โดยนักวิเคราะห์ 7 รายมองว่าเงินบาทในช่วงสัปดาห์นี้มีแนวโน้มอ่อนค่าลง อันเป็นผลจากตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมาเมื่อคืนวันศุกร์ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงซึ่งส่งผลต่อตลาดหลักทรัพย์ไทย ประกอบกับปัญหาการเมืองภายในประเทศที่จะเป็นแรงกดดันให้นักลงทุนเริ่มกลับไปถือครองเงินดอลลาร์ที่มีความเสี่ยงต่ำอีกครั้ง และส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงในสัปดาห์นี้ ส่วนนักวิเคราะห์ 2 รายมองว่าเงินบาทมีแนวโน้มจะแข็งค่าขึ้น จากตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯที่เพิ่มสูงขึ้นเกินคาดซึ่งจะเป็นแรงกดดันให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ประกอบกับเงินทุนที่ไหลเข้าต่อเนื่องในตลาดหลักทรัพย์ไทย น่าจะเป็นผลผลักดันให้ค่าเงินบาทแข็งค่าได้อีก
คาดว่า Bond Yield อายุ 2 ปี จะลดลงเล็กน้อย โดยมีนักวิเคราะห์ 6 รายมองว่า Yield น่าจะปรับตัวลงโดยเป็นการปรับตัวตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ภายหลังตลาดมองว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไป หลังอัตราเงินเฟ้อร่วงลงเกินคาดในเดือน ก.ค. นักวิเคราะห์ อีก 1 รายมองว่า Yield ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงเนื่องจากไม่มีปัจจัยใหม่อีกทั้งการซื้อขายยังเงียบเหงา ส่วนนักวิเคราะห์ อีก 2 รายมองว่า Yield จะปรับตัวขึ้นเนื่องจากสัปดาห์นี้มีการประมูลพันธบัตร 2 ปี รวมทั้งแนวโน้มเงินเฟ้อจากราคาน้ำมัน ซึ่งอาจทำให้ผลตอบแทนสูงขึ้นได้
สำหรับ Bond Yield อายุ 10 ปี นักวิเคราะห์ 7 รายมองว่า อัตราผลตอบแทนมีแนวโน้มปรับตัวลดลง เนื่องจากมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากแล้วในสัปดาห์ก่อนหน้ากอปรกับการปรับตัวลงตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ส่วนนักวิเคราะห์ 2 รายมองว่าอัตราผลตอบแทนน่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากแนวโน้มเงินเฟ้อ จากราคาน้ำมัน ประกอบกับกระแสฟื้นตัว ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนปรับตัวสูงขึ้น
คาดว่า SET มีแนวโน้มปรับตัวลดลง โดยนักวิเคราะห์ 7 รายคาดว่า SET จะปรับตัวลดลงเนื่องจากตัวเลขกำไรของบริษัทในไตรมาส 2 ออกหมดแล้ว ราคาน้ำมันปรับตัวลงต่อ ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ แย่กว่าที่คาดดังนั้น Risk appetite อาจปรับตัวลดลงจากบางธนาคารสหรัฐฯ เริ่มมสัญญาณมีปัญหามากขึ้น
นักวิเคราะห์คาดว่านักลงทุนต่างชาติจะขายสุทธิใน SET และเป็นครั้งแรกในรอบ 4 สัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนจะหันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงลดลง ส่วนนักลงทุนสถาบันจะขายสุทธิใน SET เนื่องจากจะขายทำกำไร รวมทั้งจะระมัดระวังการปรับตัวของตลาด และเริ่มปรับไปสู่กลุ่มที่ Defensive มากขึ้น
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th