สรุปความเห็นนักวิเคราะห์ต่อทิศทางตลาดเงินตลาดทุนสัปดาห์นี้
คาดว่าค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้จะแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย โดยนักวิเคราะห์ 6 รายมองว่าเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย จากตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าที่ ตลาดคาดการณ์ไว้ ทำให้ตลาดคาดว่าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ จะยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไป กดดันให้ค่าเงิน USD อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลต่างๆ ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นตามค่าเงินภูมิภาค ประกอบกับเงินลงทุนต่างประเทศยังคงไหลเข้ามาในตลาดหุ้น รวมถึงผู้ส่งออกที่ทยอยขายดอลลาร์ในช่วงนี้ ส่วนนักวิเคราะห์ 3 รายมองว่าสัปดาห์นี้ค่าเงินบาทอาจจะปรับตัวอ่อนค่าลงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนเริ่มมีมุมมองที่ไม่ชัดเจนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาตัวเลขการว่างงานของ สหรัฐฯ ประกาศออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ไปอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ระดับ 9.8% โดยเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 21 ติดต่อกัน ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มมองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจจะไม่เร็วอย่างที่คิดไว้ ซึ่งอาจจะทำให้นักลงทุนเริ่มชะลอการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงแล้วกลับไปถือเงินดอลลาร์อีกครั้ง และอาจจะส่งผลให้ค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าอีกครั้งได้
สำหรับ Bond Yield อายุ 2 ปี จะลดลงเล็กน้อย โดยนักวิเคราะห์ 5 ราย คาดว่า Yield มีแนวโน้มปรับตัวลดลงเล็กน้อย เนื่องจากความไม่แน่ใจของนักลงทุนเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจึงทำให้นักลงทุนเริ่มหันมาลงทุนในพันธบัตรอายุยาวมากขึ้นกว่าเดิม ส่วนนักวิเคราะห์อีก 4 รายคาดว่า Yield มีโอกาสปรับตัวขึ้นจากสัปดาห์ก่อน โดยได้รับผลกระทบจากความต้องการลงทุนในตลาดหุ้นที่ยังคงต่อเนื่อง ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่มีสัญญาณการฟื้นตัวขึ้นเป็นลำดับ อย่างไรก็ดีความต้องการพันบัตรระยะสั้นจากการพักเงินในช่วงสั้นๆ ยังคงเป็นปัจจัยจำกัดการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนระยะสั้นในช่วงสัปดาห์นี้
คาดว่า Bond Yield อายุ 10 ปี จะปรับตัวขึ้นเล็กน้อย โดยมีนักวิเคราะห์ 4 รายมองว่า Yield มีโอกาสปรับตัวขึ้นเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยที่นักลงทุนติดตามการประมูลพันธบัตรตัวยาวในช่วงกลางสัปดาห์ โดยมีวงเงินสูงขึ้นจากสัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ดีความต้องการซื้อที่คาดว่ายังมีอยู่อย่างหนาแน่น คาดว่าจะทำให้อัตราผลตอบแทนปรับตัวขึ้นอย่างช้าๆ ส่วนนักวิเคราะห์อีก 3 รายคาดว่า Yield มีโอกาสปรับตัวลงเล็กน้อย จากการคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ และที่อื่นๆ น่าจะปรับตัวลดลงได้แล้วหลังจากที่ปรับตัวเพิ่ม ขึ้นมาเป็นเวลากว่า 6 เดือน ซึ่งน่าจะทำให้นักลงทุนเริ่มเข้ามาซื้อพันธบัตรเพิ่มขึ้น และนักวิเคราะห์อีก 2 ราย คาดว่า Yield ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากอัตราผลตอบแทนได้ปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมากในอาทิตย์ที่ผ่านมาและมีแนวโน้มว่าจะปรับตัวลดลงตามพันธบัตรสหรัฐฯ แต่เนื่องจากจะมีการประมูลพันธบัตรอายุ 12 ปี (LB213A) ในอาทิตย์หน้าอีก 9 พันล้านบาท จึงทำให้อัตราผลตอบแทนในช่วงอายุดังกล่าวและช่วงอายุใกล้เคียงไม่น่าจะปรับตัวลงได้มาก
คาดว่า SET มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นเล็กน้อย โดยนักวิเคราะห์ 8 รายคาดว่า SET จะปรับตัวขึ้น เนื่องจากคาดการณ์ Fund Flow ยังเข้ามาอย่างต่อเนื่องในตลาดหุ้นไทย โดยเน้นที่กลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่เตรียมประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/52 รวมถึงหุ้น Domestic Play อื่น ๆ อาทิ อสังหาริมทรัพย์ และวัสดุก่อสร้าง ส่วนนักวิเคราะห์ 1 รายมองว่าตลาดแกว่งกรอบแคบ ต้องจับตา Fund flow เป็นหลัก ตราบเท่าที่ยังหนุนอยู่จะไม่ทำให้ลงได้มาก แต่หากมีสัญญาณกลับทิศที่ชัดเจน ต้องระวังการปรับตัวลงแรง ขณะที่กรณีการระงับโครงการที่มาบตาพุดยังต้องรอความชัดเจน
นักวิเคราะห์คาดว่าในสัปดาห์นี้นักลงทุนต่างชาติจะซื้อสุทธิใน SET จากกระแสเงินไหลเข้าภูมิภาคเอเชีย ตามทิศทางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าส่วนนักลงทุนสถาบันจะขายสุทธิใน SET เนื่องจากมีการขายทำกำไร
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th