1. ไทยขยับมาเป็นประเทศน่าลงทุนอันดับ 4 จากเดิมอันดับ 5 จากผลการสำรวจแนวโน้มการลงทุนโดยตรงของอุตสาหกรรมการผลิตญี่ปุ่นในต่างประเทศปี 2552
2. เดือน ก.ย. 52 จำนวนคำสั่งซื้อเครื่องจักรใหม่ของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.5 เพิ่มขึ้นติดต่อกัน 2 เดือนแล้ว
3. จำนวนหนี้สาธารณะญี่ปุ่นเพิ่มถึง 864 ล้านล้านเยนโดยมีภาระหนี้ต่อหัวประชากรรายละจำนวน 678 ล้านเยน สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์
4. ยอดการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเดือน ก.ย.52 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เป็นผลจากการเกินดุลรายได้จากดอกเบี้ยและเงินปันผลจากการลงทุนต่างประเทศ ในขณะที่การส่งออกลดลงร้อยละ -32.1 การนำเข้าลดลงร้อยละ -37.7
-----------------------------------
จากผลการสำรวจแนวโน้มการลงทุนโดยตรงของอุตสาหกรรมการผลิตญี่ปุ่นในต่างประเทศโดย JBIC พบว่าประเทศไทยในกลาง (ระยะ 3 ปีข้างหน้า) ไทยได้ขยับขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 4 จากเดิมอันดับที่ 5 แทนที่รัสเซีย เนื่องจากแนวโน้มการเจริญเติบโตของตลาดดีขึ้นและค่าแรงคงที่ แต่ในขณะเดียวกันหลายบริษัทก็ได้กล่าวถึงปัญหาด้านการแข่งขันระหว่างบริษัทญี่ปุ่นด้วยกันที่จะสูงขึ้นอย่างมากและจำนวนพนักงานระดับบริหารในประเทศไทยมีจำนวนไม่เพียงพอในปัจจุบัน
การสำรวจครั้งนี้ ได้สุ่มผู้ตอบแบบสอบถามจากบริษัทญี่ปุ่นที่มีสาขาในต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 3 แห่ง โดยรวบรวมข้อมูลระหว่าง ก.ค.- ก.ย.52 และมีจำนวนบริษัทที่ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 625 แห่ง ผลการสำรวจในระยะกลางนั้นอันดับ 1 — 3 ยังคงเป็นประเทศจีน อินเดีย และเวียดนามตามลำดับเช่นเดิม ในส่วนของประเทศไทยที่ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 4 โดยมีรายละเอียดว่า
1) ร้อยละ 50.3 ของบริษัทตอบว่า ต้องการจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งและขยายกิจการเพิ่มขึ้น
2) ร้อยละ 49.2 ของบริษัทตอบว่า ต้องการจะรักษาสภาพตลาดปัจจุบัน
3) มีเพียงร้อยละ 0.6 ของบริษัทที่ตอบว่าจะถอนทุนออกจากประเทศไทย
ผลการสำรวจภาพรวม แนวโน้มการลงทุนในต่างประเทศของบริษัทญี่ปุ่นลดลงเหลือเพียงร้อยละ 66 โดยร้อยละ 65.8 ของบริษัทตอบว่าต้องการเสริมสร้างความแข็งแกร่งและขยายกิจการในต่างประเทศเพิ่มขึ้นในระยะกลาง ซึ่งลดลงร้อยละ 13.4 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
โดย อุตสาหกรรมยานยนต์มีแนวโน้มจะลงทุนลดลงร้อยละ 35 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ในขณะที่อุตสาหกรรมอาหารมีแนวโน้มลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
Cabinet office รายงานว่าคำสั่งซื้อเครื่องจักรใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.5 ในเดือน ก.ย. 52 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า มีมูลค่ารวม 738 พันล้านเยน เพิ่มขึ้นติดต่อกัน 2 เดือนแล้ว ทั้งนี้คำสั่งชื้อเครื่องจักรทั่วไปเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.5 โดยคำสั่งซื้อภาคบริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 เป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน ภาคเกษตรกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 35.6 แต่คำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมการผลิตลดลงร้อยละ 0.1
จำนวนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนก.ย.52 มีจำนวน 864.52 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้น 4.27 ล้านล้านเยนจากสิ้นเดือนมิ.ย.52 ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีภาระหนี้ต่อหัวประชากรรายละจำนวน 678 ล้านเยน คาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อไป อย่างแน่นอน เนื่องจากรัฐบาลต้องออกพันธบัตรจำนวนเพิ่ม 29 ล้านล้านเยนจนถึงสิ้นเดือนมี.ค.53 ซึ่งสิ้นปีงบประมาณ 2552 เพื่อให้เพียงพอกับภาระรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นจากกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศของรัฐบาล
กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเดือน ก.ย.52 มีจำนวน 1.57 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนหน้า ซึ่งการเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 2 เดือนแล้ว โดยยอดการเกินดุลการค้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก ขณะที่ยอดการเกินดุลการรายได้ลดลง
การเกินดุลการค้าและบริการมีจำนวน 560.3 พันล้านเยน ส่วนการเกินดุลการค้ามีจำนวน 599.2 พันล้านเยนโดยยอดการส่งออกลดลงร้อยละ -32.1 มีจำนวน 4.78 ล้านล้านเยน การลดลงติดต่อกัน 12 เดือนแล้ว ขณะที่การนำเข้าลดลงร้อยละ -37.7 มีจำนวน 4.18 ล้านล้านเยน การลดลงยอดการนำเข้า มีสาเหตุมาจากราคาน้ำมันลดลงเทียบกับปีก่อนหน้าอย่างมาก
ส่วนการเกินดุลรายได้จากดอกเบี้ยและเงินปันผลจากการลงทุนต่างประเทศซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำญี่ปุ่นเกินดุลบัญชีเดินสะพัดตลอดมา ลดลงร้อยละ 27.2 มีจำนวน 1.08 ล้านล้านเยน เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยของโลกต่ำและค่าเงินเยนแข็งตัวขึ้น ทำให้รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลจากการลงทุนต่างประเทศลดลง
ดุลบัญชีทุนและการเงินขาดดุล 2.26 ล้านล้านเยน โดยการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศและการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ลดลงเช่นกัน รายละเอียดปรากฎตามตารางที่แนบ
ดุลการชำระเงิน ระหว่างประเทศประจำเดือนกันยายน 2552
(Balance of Payments)
หน่วย: พันล้านเยน
รายการ กันยายน 2552 กันยายน 2551 1. ดุลบัญชีเดินสะพัด (Current Account Balance) 1,564.6 1,564.6 (เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนหน้า) (0.2) (-46.5) 1.1 ดุลการค้าและบริการ (Goods & Services Balance) 560.3 167.7 (เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนหน้า) (234.1) (-89.6) 1.1.1 ดุลการค้า (Trade Balance) 599.2 320.2 (เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนหน้า) (87.1) (-81.9) การส่งออก (Exports) 4,775.5 7,028.4 (เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนหน้า) (-32.1) (2.1) การนำเข้า (Imports) 4,176.4 6,708.2 (เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนหน้า) (-37.7) (31.1) 1.1.2 ดุลบริการ (Services Balance) -38.9 -152.5 1.2 รายได้จากดอกเบี้ย/เงินปันผล (Income) 1,082.3 1,486.0 1.3 การโอนรายได้ (Current Transfers) -74.7 -89.1 2. ดุลบัญชีทุนและการเงิน (Capital & Financial Account Balance) -2,265.2 -1,561.0 2.1 ดุลบัญชีการเงิน (Financial Account Balance) -2,255.7 -1,475.3 การลงทุนโดยตรง (Direct Investment) -685.6 -583.8 การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ (Portfolio Investment) -5,665.3 -8,303.1 การลงทุนในตราสารอนุพันธ์ด้านการเงิน (Financial Derivatives) -56.1 140.1 การลงทุนอื่นๆ (Other investments) 4,151.3 7,271.5 2.2 ดุลบัญชีทุน (Capital Account Balance) -9.6 -85.8 3. ยอดเงินทุนสำรองระหว่างประเทศสุทธิ (Changes in Reserve Assets) -8.4 -307.6สำนักงานที่ปรึกษาเศรษฐกิจและการคลัง ณ กรุงโตเกียว
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th