Highlights:
- กระแส Risk Aversion จากมาตรการเข้มงวดภาคสภาบันการเงินของสหรัฐและภาคสินเชื่อของจีน ความเสี่ยงจากหนี้สินของประเทศกรีซและตัวเลขเศรษฐกิจที่ไม่ดีได้ส่งผลให้ตลาดลดการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์และตลาดโภคภัณฑ์ และนำเงินมาลงทุนในตลาดพันธบัตร ทั้งนี้ ความกังวลดังกล่าวได้ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและค่าเงินเยนซึ่งถูกมองว่าเป็นสกุลเงินที่มีความปลอดภัยแข็งค่าขึ้น
- อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของไทยปรับตัวสูงขึ้นจากการเพิ่มของอัตรา USD/THB ล่วงหน้า (บาทอ่อน) ซึ่งสะท้อนมุมมองของตลาดว่าค่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง
Foreign Exchange Market:
- ค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจากกระแส Risk Aversion ที่ส่งผลให้ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐในฐานะสกุลเงินที่ปลอดภัย (Safe Haven) ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากความต้องการถือ ที่ตลาดยังคงมีความกังวลกับมาตรการเพิ่มความเข้มงวดในระบบสถาบันการเงินของประธานาธิบดีสหรัฐและภาวะหนี้ของกรีซกอปรกับตลาดคาดว่า FED อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงระยะอันใกล้นี้หลังจากที่เศรษฐกิจสหรัฐฯมีแนวโน้มการฟนตัวอย่างต่อเนื่อง
- ค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจากกระแส Risk Aversion ที่ส่งผลให้ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐในฐานะสกุลเงินที่ปลอดภัย (Safe Haven) ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากความต้องการถือ ที่ตลาดยังคงมีความกังวลกับมาตรการเพิ่มความเข้มงวดในระบบสถาบันการเงินของประธานาธิบดีสหรัฐและภาวะหนี้ของกรีซกอปรกับตลาดคาดว่า FED อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงระยะอันใกล้นี้หลังจากที่เศรษฐกิจสหรัฐฯมีแนวโน้มการฟนตัวอย่างต่อเนื่อง
- เงินทุนสำรองระหว่างประเทศสุทธิ ณ วันที่ 22 ม.ค. 53 อยู่ที่ระดับ 143.40 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 0.48 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากการเข้าดูแลค่าเงินบาท
Stock Market:
- ตลาดหลักทรัพย์ไทยในสัปดาห์นี้ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้าลงมาอยู่ที่ระดับ 690 จุด โดยนักลงทุนต่างชาติได้ขายสุทธิประมาณ 102 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากปจจัยความเสี่ยงทางด้านเสถียรภาพการเมืองในประเทศที่ตลาดและต่างชาติยังไม่มีความเชื่อมั่น ประกอบกับต่างชาติยังมีความกังวลกับมาตรการเพิ่มความเข้มงวดต่อสถาบันการเงินของประธานาธิบดีสหรัฐ และความเสียงจากภาวะหนี้ของประเทศกรีซและตัวเลขเศรษฐกิจที่บ่งชี้ถึงความเสี่ยง ส่งผลให้ดัชนี Dow Jones และ Nikkei ต่างปรับตัวลดลงในสัปดาห์นี้
Money Market:
- อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของไทย (Thai baht fixing) ปรับสูงขึ้น จากการเพิ่มของอัตรา USD/THB ล่วงหน้า (บาทอ่อน) ซึ่งสะท้อนมุมมองของตลาดว่าค่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องในช่วงสั้น ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐฯ (US LIBOR 3 เดือน)ระยะเวลา 3 เดือนเคลื่อนไหวค่อนข้างคงที่
Bond Market:
- ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยในสัปดาห์นี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ในช่วงต้นสัปดาห์จากโดยเฉพาะในช่วงระยะสั้น 7 ปี จากความต้องการที่ปรับตัวลดลงจากช่วงก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายสัปดาห์ Yield ของพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวลดลงในแทบทุกช่วงหลังจากที่ธนาคารจีนออกมาตรการเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ และส่งผลให้นักลงทุนนำเงินมาถือพันธบัตรมากขึ้น
Commodity Market:
- ราคาน้ำมันดิบ Dubai ในสัปดาห์นี้ปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากภาวะ Risk aversion ของมาตรการเข้มงวดทางด้านภาคการเงินของสหรัฐและจีน ประกอบกับกระทรวงพลังงานของสหรัฐเปิดเผยว่าน้ำมันคงค้างปรับตัวเพิ่มขึ้นและความเสี่ยงจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ส่งผลให้ตลาดเกิดความวิตกและลดการลงทุนในพลังงานลง
- ราคาทองปรับตัวลดลงเล็กน้อย เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สัปดาห์นี้แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th