Macro Morning Focus ประจำวันที่ 9 เม.ย. 2553
1. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.53 อยู่ที่ 69.8 ลดลงติดเนื่องเป็นเดือนที่ 2
2. สมาคมโรงแรมปรับคาดการณ์อัตราการเข้าพักโรงแรมปี 53 ที่ร้อยละ 8-10
3. ธนาคารกลางอินโดนีเซียพิจารณามาตรการควบคุมเงินทุนไหลเข้าจากต่างชาติ
- มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มี.ค.53 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวม อยู่ที่ 69.8 ลดลงจากเดือน ก.พ.53 ซึ่งอยู่ที่ 70.9 และลดลงต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่ 2 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางาน อยู่ที่ 68.7 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 93.5 โดยปัจจัยลบที่สำคัญ คือ การชุมนุมทางการเมือง ราคาน้ำมัน ราคาสินค้า ความกังวลต่อปัญหาโครงการมาบตาพุด และ ความไม่แน่นอนต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่ปัจจัยบวก ได้แก่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลังปรับคาดการณ์ GDP ปี 53 เพิ่มขึ้นเป็น 4.5% จาก 3.5% การส่งออกในเดือนก.พ.53 โต 23.5% อัตราดอกเบี้ยนโยบายระดับ 1.25% เม็ดเงินลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งเริ่มลงไปสู่ระบบเศรษฐกิจ และภาวะเงินบาทที่แข็งค่า เป็นต้น
- สศค.วิเคราะห์ว่า ปัญหาการเมืองส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยผ่าน 3 ช่องทางสำคัญคือ1) ช่องทางความเชื่อมั่น 2) ช่องทางเศรษฐกิจด้านอุปสงค์และอุปทาน 3) ช่องทางดุลบัญชีเดินสะพัด ผลกระทบจากปัญหาการเมืองในกรณีเบาที่การชุมนุมประท้วงไม่มีความรุนแรงและการชุมนุมสิ้นสุดในไตรมาส 2 อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจะลดลงร้อยละ -0.2 ต่อปีจากกรณีฐาน (ร้อยละ 4.5 ต่อปี) ในกรณีรุนแรงถึงขั้นที่รัฐบาลต้องประกาศ พ.ร.ก ฉุกเฉิน หรือสลายการชุมนุม และการชุมนุมสิ้นสุดภายในไตรมาส 3 อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจะลดลงร้อยละ -0.5 ต่อปี และในกรณีรุนแรงมากและมีการกระทำที่อาจเป็นอุปสรรคต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจะลดลงมากถึงร้อยละ -1.8 ต่อปีจากกรณีฐาน
- สมาคมโรงแรมไทยปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของการเข้าพักธุรกิจโรงแรมไทยในปี 53 จากเดิมที่คาดไว้ที่ร้อยละ 15-20 เหลือร้อยละ 8-10 ต่อปี หลังจากที่สถานการณ์ทางการเมืองยืดเยื้อมากขึ้น โดยนายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทยกล่าวว่าการคาดการณ์ดังกล่าวอยู่บนเงื่อนไขของระยะเวลาการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง กล่าวคือหากการชุมนุมยังคงดำเนินต่อไป และยืดเยื้อเกินสิ้นเดือนเมษายนไป อาจทำให้มีการปรับลดการคาดการณ์ดังกล่าวลงอีกครั้ง
- สศค. วิเคราะห์ว่า สถานการณ์ทางการเมืองจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวซึ่งคิดสัดส่วนประมาณครึ่งหนึ่งของภาคบริการ หรือประมาณร้อยละ 6.5 ของ GDP โดยล่าสุดมี 37 ประเทศ ที่ประกาศเตือนการมาเที่ยวประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง ระยะเวลาการพักสั้นลง การใช้จ่ายต่อคนต่อครั้งลดลง โดย สศค. คาดว่าในปี 2553 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา 16.8 ล้านคน (กรณีฐาน) และคาดว่าผลกระทบทางการเมืองกรณีเบา จะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงประมาณ 440,000 คน ในกรณีรุนแรงนักท่องเที่ยวจะลดลง 1.9 ล้านคน และในกรณีรุนแรงมากนักท่องเที่ยวจะลดลง 3.4 ล้านคน
- ธนาคารกลางอินโดนีเซียกำลังอยู่ระหว่างพิจารณามาตรการควบคุมเงินทุนไหลเข้าจากนักลงทุนต่างชาติ ภายหลังจากที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของประเทศอินโดนีเซีย Jakarta Composite Index (JCI) กำลังเผชิญกับปัญหาฟองสบู่ โดยนาย Perry Warjiyo หัวหน้าฝ่าย Economic research and monetary policy ของธนาคารกลางอินโดนีเซียกล่าวว่า ราคาหุ้นในปัจจุบันอยู่ในระดับสูงเกินกว่าที่ควรจะเป็น โดยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา JCI มีผลตอบแทนนักลงทุนในรูปดอลลาร์สหรัฐกว่าร้อยละ 143
- สศค. วิเคราะห์ว่า นับจากปลายปี 52 จนถึงปัจจุบัน ดัชนี JCI ปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 9.6 มากที่สุดในเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆในภูมิภาคเอเชีย รองลงมาคือดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของไทย (SET Index) ที่ร้อยละ 7.3 และตลาด Nikkei ของญี่ปุ่นเป็นอันดับ 3 ที่ร้อยละ 5.2 ทั้งนี้ หากมีการเพิ่มมาตรการควบคุมการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติดังกล่าวจริง อาจจะทำให้เงินทุนต่างชาติในตลาด JCI ไหลเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ในภูมิภาครวมทั้งประเทศไทยได้ ดังนั้น หน่วยงานผู้รับผิดชอบจึงควรจับตาดูการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติอย่างใกล้ชิด
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665: www.fpo.go.th