Executive Summary
- สินเชื่อภาคเอกชนของสถาบันรับฝากเงินในเดือนมี.ค.53 ขยายตัวที่ร้อยละ 6.0 ต่อปี ในขณะที่ เงินฝากของสถาบันรับฝากเงินในเดือน มี.ค.53 ขยายตัวร้อยละ 5.1 ต่อปี
- ปริมาณจำหน่ายปูนซิเมนต์ภายในประเทศในเดือนมี.ค.53 ขยายตัวร้อยละ 9.0 ต่อปี และปริมาณจำหน่ายเหล็กภายในประเทศขยายตัวถึงร้อยละ 28.3 ต่อปี
- ดุลบัญชีเดินสะพัดในเดือน มี.ค. 53 เกินดุลที่ 1,734 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน เม.ย. 53 ขยายตัวร้อยละ 3.0 ต่อปี ซึ่งนับเป็นการขยายตัวเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน
- ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างในเดือน เม.ย. 53 ขยายตัวร้อยละ 5.9 ต่อปี เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 2.0 ต่อปี
Indicators Forecast Previous Mar: Unemployment (% of total labor force) 1.0 1.0 Unemployment (th persons) 380 383
- เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศที่คาดว่าจะส่งผลให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในสาขาการผลิต
Apr: Motorcycle Sales (%yoy) 25.0 32.1
- เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรมีแนวโน้มปรับตัวลดลงโดยเฉพาะผลผลิตข้าวที่ราคาปรับตัวลดลงมาก ส่งผลให้รายได้เกษตรกรลดลง และปัจจัยทางการเมืองที่มีความตึงเครียดมากกว่าเดือนก่อน จะส่งผลต่อการบริโภคสินค้าคงทนลดลง
สินเชื่อภาคเอกชนของสถาบันรับฝากเงินในเดือน มี.ค.53 ขยายตัวที่ร้อยละ 6.0 ต่อปี เร่งขึ้นตามการขยายตัวที่เร่งขึ้นของสินเชื่อภาคครัวเรือน ผนวกกับการหดตัวในอัตราที่ชะลอลงของสินเชื่อธุรกิจ ในขณะที่เงินฝากของสถาบันรับฝากเงินในเดือน มี.ค.53 ขยายตัวร้อยละ 5.1 ต่อปี จากการขยายตัวของเงินฝากภาคครัวเรือนเป็นสำคัญ ด้านเงินฝากธุรกิจยังคงปรับตัวลดลงแต่ในอัตราที่ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า ส่งสัญญาณการฟื้นตัวของภาคธุรกิจ
ปริมาณจำหน่ายปูนซิเมนต์ภายในประเทศในเดือน มี.ค.53 ขยายตัวร้อยละ 9.0 ต่อปี และปริมาณจำหน่ายเหล็กภายในประเทศขยายตัวถึงร้อยละ 28.3 ต่อปี ส่งผลให้ไตรมาสแรกของปี 53 ปริมาณจำ หน่ายปูนซิเมนต์ และปริมาณจำหน่ายเหล็กภายในประเทศขยายตัวร้อยละ 7.2 และ 11.1 ต่อปี ตามลำ ดับ โดยมีสาเหตุสำ คัญมาจากฐานคำนวณที่ต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ทั้งนี้ การขยายตัวดังกล่าวสะท้อนถึงการเริ่มฟื้นตัวของการลงทุนภายในประเทศและสอดคล้องกับดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในหมวดก่อสร้างและหมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กที่ขยายตัวร้อยละ 3.4 และ 79.7 ต่อปี ตามลำดับ รวมถึงพื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลรวมขยายตัวร้อยละ 44.6 ต่อปี ที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน
ดุลบัญชีเดินสะพัดในเดือน มี.ค.53 เกินดุลที่ 1,734 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากการเกินดุลการค้าที่ยังอยู่ในระดับที่สูงต่อเนื่องที่ 1,090 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกของไทยที่อยู่ในระดับที่สูงโดยเฉพาะสินค้าส่งออกภาคการเกษตรที่ขยายตัวตามการขยายตัวของราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกและสินค้าอุตสาหกรรมอาทิ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น ในขณะเดียวกัน ดุลบริการ รายได้และเงินโอนในเดือน มี.ค.53 เกินดุลลดลงจากเดือน ก.พ. 53 มาอยู่ที่ระดับ 452 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากรายได้การท่องเที่ยวที่เริ่มปรับตัวลดลง
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน เม.ย. 53 ขยายตัวร้อยละ 3.0 ต่อปี ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 3.4 ต่อปีนับเป็นการขยายตัวเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน สาเหตุสำคัญจาก 1) ดัชนีหมวดยานพาหนะและน้ำมันเชื้อเพลิงปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ11.9 เนื่องจากราคาน้ำมันดิบโลกซึ่งถูกนำเข้ามากลั่นเป็นน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศได้ปรับตัวสูงขึ้นมาก 2) ดัชนีค่าไฟฟ้า น้ำประปาฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.8 เนื่องจากหมดอายุมาตรการช่วยค่าครองชีพ 5 มาตรการ 6 เดือนในส่วนของค่าน้ำประปา 3) ราคาผักและผลไม้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.2 เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดและบางแห่งได้รับความเสียหายจากพายุฤดูร้อน และหากพิจารณาเทียบกับเดือนก่อนหน้าพบว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปในเดือนนี้ขยายตัวที่ร้อยละ 0.49 (%mom) ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเดือน เม.ย. 53 ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 ที่ร้อยละ0.5 ต่อปี
ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างในเดือน เม.ย. 53 ขยายตัวร้อยละ 5.9 ต่อปี เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 2.0 ต่อปีทั้งนี้ สาเหตุที่ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างขยายตัวเพิ่มขึ้นนั้น มาจากดัชนีในหมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กขยายตัวร้อยละ 18.3 ต่อปี ซึ่งได้แก่ผลิตภัณฑ์ในหมวดเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต เหล็กตัวซีเหล็กฉาก ลวดเหล็กเสริมคอนกรีต ท่อเหล็ก และเหล็กแผ่นเรียบดำ และดัชนีในหมวดวัสดุก่อสร้างอื่นๆ อาทิเช่น อิฐหนา ยางมะตอย ท่อพีวีซี เป็นต้น ขยายตัวร้อยละ 3.9 ต่อปี ซึ่งการขยายตัวดังกล่าวเป็นการขยายตัวตามสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่มีสัญญาณการฟื้นตัวขึ้น ทำให้ความต้องการวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้น
อัตราการว่างงานเดือน มี.ค. 53 คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 1.0 ของกำลังแรงงานรวม คงที่จากเดือนก่อนหน้า โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศที่คาดว่าจะส่งผลให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในสาขาการผลิต ซึ่งจะสอดคล้องกับดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือน มี.ค.53 ที่ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 32.6 ต่อปีอันเป็นการขยายตัวสูงสุดในประวัติศาสตร์ และสาขาค้าส่งค้าปลีกที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามการบริโภคที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ การจ้างงานที่ขยายตัวดีคาดว่าจะส่งผลให้อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำ และอาจส่งผลให้เกิดเกิดภาวะตลาดแรงงานตึงตัวในบางสาขาได้
ปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในเดือน เม.ย. 53 คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 25.0 ต่อปี ชะลอลงจากเดือนก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 32.1 ต่อปี เนื่องจากคาดว่า 1) ราคาสินค้าเกษตรมีแนวโน้มปรับตัวลดลง โดยเฉพาะผลผลิตข้าวที่ราคาปรับตัวลดลงมาก ส่งผลให้รายได้เกษตรกรลดลง และ 2) ปัจจัยทางการเมืองที่มีความตึงเครียดมากกว่าเดือนก่อน จะส่งต่อความเชื่อมั่นในการบริโภคลดลง โดยเฉพาะสินค้าคงทน เช่น รถยนต์ และรถจักรยานยนต์
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th