Macro Morning Focus ประจำวันที่ 11 มิถุนายน 2553
1. ดัชนีความเชื่อมั่นประจำเดือน พ.ค. 53 ปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน
2. เกษตรส่งออกเดือน เม.ย.53 ทำยอดทะลุเป้า
3. GDP ญี่ปุ่น ไตรมาสแรกปี 53 ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 5.0 จาก 4.9 ต่อปี (annualized rate)
- รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.53 อยู่ที่ 75.5 เพิ่มขึ้นจาก 75.0 ในเดือนเม.ย.53 โดยดัชนีองค์ประกอบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้แก่ (1) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคต เท่ากับ 79.4 เพิ่มขึ้นจาก 78.4 (2) ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมเพิ่มขึ้นเป็น 67.6 จาก 67.2 ในเดือนก่อนหน้า (3) ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางาน เท่ากับ 66.9 เพิ่มขึ้น 66.5 และ (4) ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต เท่ากับ 92.1 เพิ่มขึ้นจาก 91.2 ขณะที่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบัน เท่ากับ 61.3 ลดลงจาก 61.8 ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นเกือบทุกรายการปรับเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือนมาจาก ความวุ่นวายทางการเมืองที่คลี่คลายลง รวมถึงระดับราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศลดลง และโครงการลงทุนตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งเริ่มมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจแล้ว
- สศค.วิเคราะห์ว่า การที่ปัญหาการเมืองคลี่คลายและทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนั้น สะท้อนว่าพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศไทยอยู่ในภาวะที่มั่นคงในสายตาของประชาชนส่วนใหญ่ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาหากไม่นับปัญหาการเมืองนั้น ประเทศไทยถือว่าอยู่ในสถานะที่ดี อาทิ เศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปี 53 ขยายตัวสูงสุดในรอบ 15 ปีที่ร้อยละ 12.0 ต่อปี ในขณะที่อัตราการว่างงานอยู่ในระดับเพียงร้อยละ 1.0 ของแรงงานรวมในเดือน เม.ย. 53
- นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรเดือน เม.ย. 2553 เพิ่มขึ้น 14.64% เมื่อเปรียบเทียบเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเดือน มี.ค. พบว่าลดลง 23.16% ส่งผลให้ภาพรวมการส่งออกสินค้าเกษตรในช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย. 2553 มีมูลค่าการส่งออกรวม 473,040 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2552 คิดเป็น 31.66% โดยสินค้าสำคัญที่มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นมาก ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง น้ำตาลดิบ ยางพารา และกุ้งแช่แข็ง ส่วนสินค้าที่มีมูลค่าส่งออกลดลง ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ สับปะรดกระป๋อง และเนื้อไก่ ซึ่งข้าวหอมมะลิมีมูลค่าส่งออกลดลงเนื่องจากประเทศนำเข้า ได้แก่ ประเทศทางแอฟริกามีปัญหาทางเศรษฐกิจ ทำให้หันไปบริโภคข้าวคุณภาพต่ำและข้าวสาลีที่มีราคาถูกกว่า
- สศค.วิเคราะห์ว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรที่เพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าเกษตรในเดือน เม.ย. 53 ที่ขยายตัวอยู่ในระดับสูงตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ประกอบกับอุปทานในตลาดโลกที่ลดลง รวมทั้งการเก็งกำไรในตลาดล่วงหน้า โดยในเดือน เม.ย. 53 ราคายางพาราขยายตัวสูงถึงร้อยละ 138.8 ต่อปี ราคามันสำปะหลังขยายตัวร้อยละ 88.4 ต่อปี ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบขยายตัวร้อยละ 22.9 ต่อปี ทั้งนี้การขยายตัวที่อยู่ในระดับสูงของสินค้าเกษตรสำคัญ ส่งผลต่อรายได้เกษตรกรให้ปรับตัวสูงขึ้นด้วยเช่นกัน โดยรายได้เกษตรกรที่แท้จริงเดือน เม.ย 53 ขยายตัวร้อย 16.9 ต่อปี ขยายตัวในอัตราที่เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 14.9 ต่อปี
- ทางการญี่ปุ่นปรับเพิ่มตัวเลข GDP ไตรมาสแรกของปี 2553 จากขยายตัวที่ร้อยละ 4.9 ต่อปี (annualized rate) มาเป็นร้อยละ 5.0 ต่อปี (annualized rate) เพิ่มขึ้นโดยมีปัจจัยสำคัญมาจากการปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยของการบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนของภาครัฐ และเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เศรษฐกิจของญี่ปุ่นยังคงขยายตัวที่ร้อยละ 1.2 ต่อไตรมาส (%qoq)
- ฝ่ายเลขาฯวิเคราะห์ว่า จากเครื่องชี้ทางเศรษฐกิจล่าสุดของญี่ปุ่น พบว่าการบริโภคภาคเอกชนและภาคการส่งออก มีแนวโน้มจะขยายตัวต่อเนื่องในไตรมาสที่ 2 ของปี โดยเห้นได้จากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน พ.ค.53 ที่อยู่ที่ระดับ 42.8 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 42.0 ประกอบกับตัวเลขการส่งออกล่าสุดในเดือน เม.ย. 53 ที่ขยายตัวในระดับสูงถึงร้อยละ 40.4 ต่อปี นอกจากนี้ การออกมาประกาศว่าจะใช้นโยบายค่าเงินในการกระตุ้นภาคส่งออกของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น ทำให้คาดว่าอุปสงค์ภายในและภายนอกประเทศจะเป็นกุญแจสำคัญในการประคับประคองเศรษฐกิจญี่ปุ่นให้สามารถขยายตัวต่อเนื่องในไตรมาสที่เหลือของปี
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665: www.fpo.go.th