สรุปผลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากร (เดือนธันวาคม พ.ศ. 2552)

ข่าวทั่วไป Friday March 5, 2010 17:40 —สำนักงานสถิติแห่งชาติ

บทสรุปสำหรับผู้บริหาร

การสำรวจภาวะการทำงานของประชากร เดือนธันวาคม พ.ศ. 2552

การสำรวจภาวะการทำงานของประชากรประจำเดือนธันวาคม 2552 พบว่า มีจำนวนผู้มีอายุ 15 ปีขึ้นไปหรือวัยทำงานทั้งสิ้น 53.12 ล้านคน เป็นผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงาน 38.95 ล้านคน ซึ่งประกอบด้วย ผู้มีงานทำ 38.54 ล้านคน ผู้ว่างงาน 3.5 แสนคน และผู้รอฤดูกาล 6 หมื่นคน ส่วนผู้ที่อยู่นอกกำลังแรงงานมี 14.17 ล้านคน

จำนวนผู้มีงานทำ 38.54 ล้านคนนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนผู้มีงานทำในช่วงเวลาเดียวกันกับ ปี 2551 พบว่าจำนวนผู้มีงานทำเพิ่มขึ้น 5.6 แสนคน (จาก 37.98 ล้านคน เป็น 38.54 ล้านคน) หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 โดยผู้มีงานทำนอกภาคเกษตรกรรมเพิ่มขึ้น 1.33ล้านคน (จาก 21.22 ล้านคน เป็น 22.55 ล้านคน) ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในสาขาการการขายส่งและขายปลีกฯ มากที่สุด 3.3 แสนคน รองลงมาสาขาเป็นสาขาการผลิต 2.5 แสนคน สาขาการก่อสร้าง 2.2 แสนคน สาขาการโรงแรมและภัตตาคาร 1.3 แสนคน สาขากิจกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์ ฯ 1.2 แสนคน สาขาการศึกษา 6 หมื่นคนสาขาการขนส่งฯ 3 หมื่นคน และที่เหลือกระจายอยู่ในสาขาอื่น ๆ ส่วนภาคเกษตรกรรมมีผู้ทำงานลดลง 7.7 แสนคน (จาก 16.76 ล้านคน เป็น 15.99 ล้านคน)

สำหรับอุตสาหกรรมการผลิตในเดือนธันวาคม 2552 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2551 เพิ่มขึ้น 2.5 แสนคน โดยเพิ่มขึ้นในกลุ่มการผลิตที่สำคัญ ได้แก่ การผลิตไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ฯ 8.6 หมื่นคน การผลิตผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม 8.5 หมื่นคน การผลิตผลิตภัณฑ์ที่ทำจากโลหะประดิษฐ์ 5.7 หมื่นคน การผลิตเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี 4.2 หมื่นคน การผลิตสิ่งทอ 3.6 หมื่นคน การผลิตฟอร์นิเจอร์ 2.9 หมื่นคน ส่วนการผลิตที่ลดลง อยู่ในกลุ่มการผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์ 4.8 หมื่นคน การผลิตเครื่องแต่งกาย 4.1 หมื่นคน การผลิตผลิตภัณฑ์จากแร่อโลหะ 2.8 หมื่นคน การผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 2.5 หมื่นคน ที่เหลือกระจายในกลุ่มการผลิตอื่น ๆ

หากพิจารณาถึงลักษณะของการทำงานไม่เต็มเวลาด้านชั่วโมงการทำงาน พบว่า ในจำนวนผู้ทำงานทั้งหมด 38.54 ล้านคน มีผู้ทำงานที่มีชั่วโมงการทำงานน้อยกว่า 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ 5.27 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 13.7 ของผู้มีงานทำ ซึ่งกลุ่มผู้ทำงานเหล่านี้ คือผู้ที่ทำงานไม่เต็มเวลาหากนำมาเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2551 ผู้ทำงานไม่เต็มเวลามีจำนวนลดลง 4.3 แสนคน (จาก 5.70 ล้านคน เป็น 5.27 ล้านคน) หรือลดลงร้อยละ 1.3 (จากร้อยละ 15.0 เป็นร้อยละ 13.7)

สำหรับจำนวนของผู้ว่างงานในเดือนธันวาคม 2552 มีจำนวนผู้ว่างงานทั้งสิ้น 3.5 แสนคน หรือคิดเป็นอัตราการว่างงานร้อยละ 0.9 และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2551 มีจำนวนผู้ว่างงานลดลง 1.9 แสนคน หรือลดลงร้อยละ 0.5 แต่เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดือนที่ผ่านมา (พฤศจิกายน 2552) มีผู้ว่างงานลดลง 4 หมื่นคน (จาก 3.9 แสนคน เป็น 3.5 แสนคน) ถ้าพิจารณาผู้ว่างงานจากประสบการณ์การทำงาน เป็นผู้ว่างงานที่ไม่เคยทำงานมาก่อนมีจำนวน 1.52 แสนคน ส่วนผู้ว่างงานที่เคยทำงานมาก่อนหากเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2551 ผู้ว่างงานที่เคยทำงานมาก่อน ลดลง 1.98 แสนคน (จาก 3.92 แสนคน เป็น 1.98 แสนคน) โดยเป็นผู้ว่างงานมาจากภาคการผลิต 9 หมื่นคน ภาคการบริการและการค้า 7.9 หมื่นคน และภาคเกษตรกรรม 2.9 หมื่นคน

หากพิจารณาการว่างงานตามกลุ่มอายุ พบว่ากลุ่มเยาวชน หรือผู้มีอายุระหว่าง 15-24 ปี เป็นกลุ่มที่มีอัตราการว่างงานร้อยละ 4.0 ซึ่งปกติในกลุ่มนี้อัตราการว่างงานจะสูงส่วนกลุ่มวัยทำงาน (อายุ 25 ปีขึ้นไป) มีอัตราการว่างงานร้อยละ 0.4 เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2551 อัตราการว่างงานลดลงทุกกลุ่มอายุ โดยกลุ่มเยาวชนมีอัตราการว่างงานลดลงร้อยละ 0.8 (จากร้อยละ 4.8 เป็นร้อยละ 4.0) และกลุ่มวัยทำงาน มีอัตราการว่างงานลดลงร้อยละ 0.4 (จากร้อยละ 0.8 เป็นร้อยละ 0.4)

สำหรับระดับการศึกษาที่สำ เร็จของผู้ว่างงานในเดือนธันวาคม 2552 พบว่า ผู้ที่จบการศึกษาในระดับอุดมศึกษามีจำนวนสูงที่สุด 1.25 แสนคน (ร้อยละ 2.0) รองลงมาเป็นผู้จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 7.8 หมื่นคน(ร้อยละ 1.3) ระดับประถมศึกษา 7 .2 หมื่นคน (ร้อยละ 0.8) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 4.4 หมื่นคน (ร้อยละ 0.8) และผู้ที่ไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษา 3.1 หมื่นคน (ร้อยละ 0.2) เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2551 อัตราการว่างงานในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายลดลงมากที่สุดร้อยละ 1.7 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ร้อยละ 0.9 ผู้ที่ไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษาและระดับประถมศึกษาลดลงเท่ากัน คือ ร้อยละ 0.3 ระดับอุดมศึกษามีอัตราการว่างงานลดลงน้อยที่สุด ร้อยละ 0.1

หากพิจารณาอัตราการว่างงาน เป็นรายภาค พบว่าภาคใต้มีอัตราการว่างงานสูงที่สุด คือร้อยละ 1.7 รองลงมาเป็นกรุงเทพมหานครและภาคกลางเท่ากัน คือ ร้อยละ 1.0 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 0.7 ภาคเหนือมีอัตราการว่างงานต่ำที่สุด ร้อยละ 0.4 ถ้าเปรียบเทียบอัตราการว่างงานในช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2551 พบว่า ทุกภาคมีอัตราการว่างงานลดลง โดยภาคใต้มีอัตราการว่างงานลดลงมากที่สุด ร้อยละ 1.1 รองลงมาเป็นภาคเหนือลดลงร้อยละ 0.7 กรุงเทพมหานครร้อยละ 0.6 ภาคกลาง ร้อยละ 0.5 และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอัตราการว่างงานลดลงน้อยที่สุดร้อยละ 0.2

สรุปผลการสำรวจ

ภาวะการทำงานของประชากร เดือนธันวาคม พ.ศ. 2552

บทนำ

1. สำนักงานสถิติแห่งชาติ ดำเนินการสำรวจภาวะการทำงานของประชากรหรือสำรวจแรงงานอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี เริ่มตั้งแต่ปี 2506 โดยในช่วงแรก สำรวจเพียงปีละ 2 รอบ รอบแรกเป็นการสำรวจนอกฤดูเกษตร รอบที่ 2 เป็นฤดูเกษตร ต่อมาในปี 2527 - 2540 สำรวจปีละ 3 รอบ โดยเพิ่มสำรวจช่วงเดือนพฤษภาคมเพื่อดูแรงงานที่จบการศึกษาใหม่เข้าสู่ตลาดแรงงาน และในปี 2541 ได้เพิ่มการสำรวจขึ้นอีก 1 รอบ เดือนพฤศจิกายน เป็นช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตการเกษตร ทำให้เป็นการสำรวจภาวะการทำงานของประชากรครบทั้ง 4 ไตรมาสของปี

และในปี 2544 สำนักงานสถิติแห่งชาติปรับปรุงการสำรวจเป็นรายเดือน ทั้งนี้เพื่อให้สามารถติดตามภาวะการมีงานทำของประชากรได้อย่างใกล้ชิดและเสนอผลการสำรวจเป็นรายเดือนทุกเดือนในระดับประเทศและภาค

2. สรุปผลที่สำคัญ

2.1 โครงสร้างกำลังแรงงาน

ผลการสำรวจในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2552 พบว่า มีจำนวนประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป 53.12 ล้านคน เป็นผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงานประมาณ 38.95 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 73.3 ของประชากร (ชายร้อยละ 81.4 และหญิงร้อยละ 65.7) เป็นผู้ที่อยู่นอกกำลังแรงงาน 14.17 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 26.7 (ชายร้อยละ 18.6 และหญิงร้อยละ 34.3)

สำหรับกลุ่มผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงาน จำแนกออกเป็น 3 กลุ่ม คือ

1. ผู้มีงานทำ จำนวน 38.54 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 98.9 ของผู้อยู่ในกำลังแรงงาน (ชายร้อยละ 98.9 หญิงร้อยละ 98.9)

2. ผู้ว่างงาน หมายถึง ผู้ไม่มีงานทำและพร้อมที่จะทำงาน มีจำนวน 3.5 แสนคน หรือคิดเป็นอัตรา การว่างงานร้อยละ 0.9 (ชายร้อยละ 0.9 และหญิงร้อยละ 0.8)

3. ผู้ที่รอฤดูกาล หมายถึง ผู้ที่ไม่ได้ทำงานและไม่พร้อมที่จะทำงาน เนื่องจากจะรอทำงานในฤดูกาลต่อไป มีจำนวน 6 หมื่นคน คิดเป็นร้อยละ 0.2 (ชายร้อยละ 0.1 และหญิงร้อยละ 0.2)

2.2 ภาวะการมีงานทำของประชากร

เมื่อพิจารณาถึงลักษณะการทำงานของประชากรเดือนธันวาคม พ.ศ. 2552 พบว่า จากจำนวนผู้มีงานทำทั้งสิ้น 38.54 ล้านคน (ชาย 20.80 ล้านคน และหญิง 17.74 ล้านคน) เป็นผู้ทำงานภาคเกษตรกรรมประมาณ 15.99 ล้านคน หรือร้อยละ 41.5 ของผู้มีงานทำ (ชาย 9.01 ล้านคน และหญิง6.98 ล้านคน) และทำงานนอกภาคเกษตรกรรมประมาณ 22.55 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 58.5 ของผู้มีงานทำ (ชาย 11.79 ล้านคน และหญิง 10.76 ล้านคน)

เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา จะเห็นว่า ผู้มีงานทำเพิ่มขึ้นประมาณ 5.6 แสนคน โดยผู้มีงานทำนอกภาคเกษตรกรรมเพิ่มขึ้นประมาณ 1.33 แสนคน (เพิ่มขึ้นจาก 21.22 ล้านคน เป็น 22.55 ล้านคน) ในจำนวนนี้เป็นการเพิ่มขึ้นในสาขาการขายส่งและขายปลีกฯ มากที่สุด 3.3 แสนคน รองลงมาเป็นสาขาการผลิต 2.5 แสนคน สาขาการก่อสร้าง 2.2 แสนคน สาขาโรงแรมและภัตตาคาร 1.3 แสนคน สาขากิจกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์ ฯ 1.2 แสนคน สาขาการบริหารราชการแผ่นดินฯ และสาขาการศึกษาเท่ากันคือ 6 หมื่นคน สาขาการขนส่งฯ 3 หมื่นคน และที่เหลือกระจายอยู่ในสาขาอื่น ๆ ส่วนผู้มีงานทำในภาคเกษตรกรรมลดลงประมาณ 7.7 หมื่นคน (ลดลงจาก 16.76 ล้านคนเป็น 15.99 ล้านคน)

เมื่อพิจารณาถึงชั่วโมงทำงานของผู้มีงานทำต่อสัปดาห์ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2552 พบว่า ส่วนใหญ่ทำงานตั้งแต่ 35 ชั่วโมงขึ้นไปต่อสัปดาห์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้ทำงานเต็มที่ในเรื่องชั่วโมงทำงาน มีจำนวน 33.27 ล้านคน หรือร้อยละ 86.3 ของผู้มีงานทำทั้งสิ้น (ชายร้อยละ 86.6 และหญิงร้อยละ 86.0) และผู้ที่ทำงาน 1-34 ชั่วโมงมีจำนวน 4.86 ล้านคน หรือร้อยละ 12.6 (ชายร้อยละ 12.1 และหญิงร้อยละ 13.2) สำหรับผู้ที่ไม่ได้ทำงานในสัปดาห์สำรวจ (ระหว่าง 7 วันก่อนวันสัมภาษณ์) แต่เป็นผู้มีงานประจำซึ่งถือว่าในสัปดาห์สำรวจไม่มีชั่วโมงทำงาน (0 ชั่วโมง) มีจำนวน 4.1 แสนคน หรือร้อยละ 1.1 (ชายร้อยละ 1.3 และหญิงร้อยละ 0.8) เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีผ่านมาจะเห็นว่าจำนวนของผู้ที่ทำงานตั้งแต่ 35 ชั่วโมงขึ้นไปเพิ่มขึ้นประมาณ 1.0 ล้านคน ส่วนผู้ที่ไม่ได้ทำงานในสัปดาห์การสำรวจ (0 ชั่วโมง) มีจำนวนลดลง 3.7 แสนคน และผู้ที่ทำงาน 1 — 34 ชั่วโมง ลดลงประมาณ 6 หมื่นคน

2.3 ภาวะการว่างงานของประชากร

ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2552 จำนวนผู้ว่างงานมีประมาณ 3.50 แสนคน (ชาย 1.98 แสนคน และหญิง 1.52 แสนคน) คิดเป็นอัตราการว่างงานร้อยละ 0.9 (ชายร้อยละ 0.9 และหญิงร้อยละ 0.8) และถ้าพิจารณาเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา จะเห็นว่า จำนวนผู้ว่างงานลดลง 1.89 แสนคน เมื่อพิจารณาเป็นรายภาค พบว่า จำนวนผู้ว่างงานลดลงทุกภาค โดยภาคเหนือลดลงสูงสุด 5 หมื่นคน ภาคใต้ลดลง 4.9 หมื่นคน ภาคกลางลดลง 4.4 หมื่นคน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือลดลง 2.5 หมื่นคน และกรุงเทพมหานครลดลงน้อยที่สุด 2.1 หมื่นคน

ถ้าพิจารณาอัตราการว่างงานในเดือนธันวาคม พ.ศ.2552 เป็นรายภาค พบว่า ภาคใต้มีอัตราการว่างงานสูงสุดคิดเป็นร้อยละ 1.7 รองลงมาคือกรุงเทพมหานครและภาคกลางมีอัตราการว่างงานเท่ากันคือร้อยละ 1.0 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือร้อยละ 0.7 และภาคเหนือร้อยละ 0.4

เมื่อเปรียบเทียบอัตราการว่างงานของแต่ละภาคกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา พบว่า อัตราการว่างงานทั่วประเทศลดลงร้อยละ 0.5 พิจารณาเป็นรายภาคพบว่า ภาคใต้มีอัตราการว่างงานลดลงมากที่สุด ร้อยละ 1.1 รองลงมาเป็นภาคเหนือลดลงร้อยละ 0.7 กรุงเทพมหานครลดลงร้อยละ 0.6 ภาคกลางลดลงร้อยละ 0.5 และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอัตราการว่างงานลดลงน้อยที่สุด ร้อยละ 0.2

เมื่อพิจารณาถึงลักษณะที่น่าสนใจของผู้ว่างงาน 3.50 แสนคน ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2552 พบว่า เป็นผู้ว่างงานที่ไม่เคยทำงานมาก่อนประมาณ 1.52 แสนคน หรือคิดเป็น ร้อยละ 43.4 ของผู้ว่างงานทั้งสิ้น ส่วนผู้ว่างงานที่เคยทำงานมาก่อนมีประมาณ 1.98 แสนคน หรือคิดเป็นร้อยละ 56.6 โดยเป็นผู้ว่างงานมาจากนอกภาคเกษตรกรรม 1.69 แสนคน ซึ่งประกอบด้วย ภาคการผลิต 9 หมื่นคน ภาคการบริการและการค้า 7.9 หมื่นคน สำหรับผู้ว่างงานในภาคเกษตรกรรมมีประมาณ 2.9 หมื่นคน

เมื่อพิจารณาระดับการศึกษาที่สำเร็จของผู้ว่างงานจำนวน 3.50 แสนคน พบว่า ระดับการศึกษาที่มีผู้ว่างงานมากที่สุดคือ ระดับอุดมศึกษา 1.25 แสนคน รองลงมาคือ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 7.8 หมื่นคน ระดับประถมศึกษา 7.2 หมื่นคน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 4.4 หมื่นคน และผู้ที่ไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษา 3.1 หมื่นคน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา พบว่า ผู้ว่างงานที่สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายลดลงมากที่สุด 8.1 หมื่นคน รองลงมาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นลดลง 5.5 หมื่นคน ผู้ที่ไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษาลดลง 3.2 หมื่นคน ระดับประถมศึกษาลดลง 2.4 หมื่นคน และผู้ว่างงานระดับอุดมศึกษาลดลงน้อยที่สุด 3 พันคน

จากการพิจารณาอัตราการว่างงานตามระดับการศึกษาที่สำเร็จ พบว่า ผู้ที่จบการศึกษาในระดับอุดมศึกษามีอัตราการว่างงานสูงที่สุดคือร้อยละ 2.0 รองลงมาเป็นผู้ที่จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นร้อยละ 1.3 ระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเท่ากันคือ ร้อยละ 0.8 ผู้ว่างงานที่ไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษาร้อยละ 0.2 เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา พบว่า อัตราการว่างงานของผู้ว่างงานที่จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายลดลงมากที่สุด ร้อยละ 1.7 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นลดลงร้อยละ 0.9 ผู้ว่างงานที่ไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษาและระดับประถมศึกษามีอัตราการว่างงานลดลงน้อยที่สุดเท่ากันคือ ร้อยละ 0.3 และระดับอุดมศึกษาลดลงน้อยที่สุด ร้อยละ 0.1

ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ