การสำรวจอุตสาหกรรมก่อสร้าง พ.ศ.2552: ภาคใต้

ข่าวทั่วไป Thursday August 26, 2010 16:32 —สำนักงานสถิติแห่งชาติ

การสำรวจอุตสาหกรรมก่อสร้าง พ.ศ.2552 นับเป็นการสำรวจครั้งที่ 3 ซึ่งได้ดำเนินการจัดทำทุก 5 ปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการประกอบการอุตสาหกรรมก่อสร้าง ซึ่งเป็นข้อมูลที่สำคัญต่อภาครัฐในการวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศและวางแผนการลงทุน รวมทั้งการจ้างงานของภาคเอกชน การสำรวจครั้งนี้คุ้มรวมสถานประกอบการก่อสร้างทุกแห่งทั่วประเทศ ที่ประกอบกิจกรรมใน 3 หมวดใหญ่ ได้แก่ การก่อสร้างอาคาร/สิ่งก่อสร้าง งานวิศวกรรมโยธา และกิจกรรมการก่อสร้างเฉพาะงาน โดยจัดตามการจัดประเภทอุตสาหกรรมทางเศรษฐกิจทุกประเภท ตามมาตรฐานสากล (ประเภท F ISIC Rev.4)

การปฏิบัติงานเก็บรวบรวมข้อมูลดำเนินการในช่วงเดือนมิถุนายน — กันยายน พ.ศ.2552 สำหรับข้อมูลที่นำเสนอในรายงานฉบับนี้เป็นผลของการดำเนินกิจการในรอบปีที่ผ่านมาระหว่าง 1 มกราคม — 31 ธันวาคม 2551 ของสถานประกอบการก่อสร้างที่ตั้งอยู่ในภาคใต้สรุปได้ดังนี้

1. จำนวนสถานประกอบการก่อสร้าง

จากสถานประกอบการก่อสร้างในภาคใต้ จำ นวนทั้งสิ้น 4,716 แห่ง ส่วนใหญ่ (ร้อยละ 66.4) ดำเนินกิจการเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคาร/สิ่งก่อสร้าง รองลงมา ได้แก่ การดำเนินการเกี่ยวกับการสร้างอาคารให้เสร็จสมบูรณ์ ประมาณร้อยละ 11.2 ส่วนการติดตั้งระบบไฟฟ้า และการเตรียมสถานที่ก่อสร้างประมาณร้อยละ 8.4 และ 7.8 ตามลำดับ สำหรับการก่อสร้างนอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้น แต่ละหมู่ย่อยมีสัดส่วนต่ำกว่าร้อยละ 5.0 ของจำนวนสถานประกอบการก่อสร้างทั้งสิ้น

2. ขนาดของสถานประกอบการ (จำนวนคนทำงาน)

ส่วนใหญ่ (ร้อยละ 70.8) เป็นสถานประกอบการก่อสร้างที่มีคนทำงาน 1 — 5 คน และคนทำงาน 6 — 10 คน มีร้อยละ 17.5 สำหรับสถานประกอบการที่มีคนทำงานมากกว่า 10 คน มีร้อยละ 11.7

หากพิจารณาตามหมู่ย่อยอุตสาหกรรมก่อสร้าง พบว่า สถานประกอบการเกือบทุกหมู่ย่อยอุตสาหกรรมก่อสร้าง (มากกว่าร้อยละ 60.0) เป็นสถานประกอบการที่มีคนทำงานงาน 1 — 5 คนยกเว้น หมู่ย่อยการก่อสร้างถนนและทางรถไฟ การก่อสร้างโครงการงานวิศวกรรมโยธาอื่น ๆ และการติดตั้งสิ่งก่อสร้างอื่นๆ

3. รูปแบบการจัดตั้งตามกฎหมาย

สถานประกอบการก่อสร้าง ส่วนใหญ่ (ร้อยละ 88.4) มีรูปแบบการจัดตั้งเป็นส่วนบุคคลหรือห้างหุ้นส่วนสามัญที่ไม่เป็นนิติบุคคล ที่มี รูปแบบการจัดตั้งเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลหรือห้างหุ้นส่วนจำ กัด ร้อยละ 7.8 และที่มีรูปแบบการจัดตั้งเป็นบริษัทจำกัด บริษัทจำกัด (มหาชน) มีเพียงร้อยละ 3.8

4. วงเงินรับเหมาก่อสร้างต่อปี

สถานประกอบการก่อสร้างในภาคใต้ส่วนใหญ่ (ประมาณร้อยละ 76.3) เป็นสถานประกอบการที่มีวงเงินรับเหมาก่อสร้างน้อยกว่า 1 ล้านบาท ส่วนสถานประกอบการที่มีวงเงินรับเหมาก่อสร้างตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป มีเพียงเล็กน้อย คือ ประมาณร้อยละ 1.4

5. การรับงานจากภาครัฐ

สถานประกอบการก่อสร้างในภาคใต้ประมาณร้อยละ 16.6 มีการดำเนินกิจการก่อสร้างโดยรับงานจากภาครัฐ 50% หรือมากกว่าใน สัดส่วนสูงที่สุดร้อยละ 43.9 ส่วนที่มีการรับงานจากภาครัฐระหว่าง 20 - 29% และน้อยกว่า 10% ประมาณร้อยละ 22.2 และ 13.8 ตามลำดับ

6. ลักษณะการดำเนินกิจการ

สถานประกอบการก่อสร้าง 1 แห่งสามารถดำ เนินกิจการได้หลายลักษณะนั้นส่วนใหญ่ มีลักษณะการดำเนินกิจการเป็นแบบรับเหมาเฉพาะค่าแรงงาน ร้อยละ 71.6 รองลงมาเป็นการรับงานและดำเนินการเองทั้งหมด ร้อยละ 31.1 สำ หรับการรับเหมาหรือให้ผู้อื่นช่วยดำเนินการบางส่วน และการรับช่วงงานจากผู้รับเหมาอื่น มีร้อยละ 9.6 และ 4.7 ตามลำดับ

7. จำนวนคนทำงานและลูกจ้าง

ในปี 2551 มีคนทำ งานในสถานประกอบการก่อสร้างที่ตั้งอยู่ในภาคใต้ทั้งสิ้นประมาณ 34,692 คน ในจำนวนนี้เป็นลูกจ้างประมาณ 29,510 คน เมื่อจำแนกลูกจ้างตามประเภทหมู่ย่อยอุตสาหกรรมก่อสร้าง พบว่า ลูกจ้างที่ปฏิบัติงานในสถานประกอบการที่ดำเนินกิจการเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคาร/สิ่งก่อสร้างมากที่สุดคือ 24,378 คน หรือร้อยละ 71.0 รองลงมาปฏิบัติงานอยู่ในสถานประกอบการที่ดำเนินกิจการเกี่ยวกับการก่อสร้างถนนและทางรถไฟ 3,144 คน หรือร้อยละ 10.7 ที่เหลือปฎิบัติงานในอุตสาหกรรมก่อสร้างนอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้น

8. ค่าตอบแทนแรงงาน

ในปี 2551 ลูกจ้างในอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ตั้งอยู่ในภาคใต้ ได้รับค่าตอบแทนแรงงานรวมทั้งสิ้นประมาณ 2,068.9 ล้านบาท หรือเฉลี่ยต่อคนต่อปีประมาณ 70,109 บาท โดยลูกจ้างที่ปฏิบัติงานในอุตสาหกรรมก่อสร้างเกี่ยวกับการก่อสร้างถนนและทางรถไฟ ได้รับค่าตอบแทนแรงงานเฉลี่ยต่อคนต่อปีสูงที่สุดประมาณ 79,328 บาท รองลงมา ได้แก่ ลูกจ้างที่ปฏิบัติงานในสถานประกอบการอุตสาหกรรมก่อสร้างเกี่ยวกับการก่อสร้างเฉพาะงานอื่นๆ และการก่อสร้างอาคาร/สิ่งก่อสร้าง ซึ่งได้รับค่าตอบแทนต่อคนต่อปี 71,507 และ 70,229 บาท ตามลำดับ

9. มูลค่าการก่อสร้าง ค่าใช้จ่าย และมูลค่าเพิ่ม

ในการดำเนินกิจการการประกอบอุตสาหกรรมก่อสร้างในภาคใต้ มีมูลค่าการก่อสร้างหรือรายรับในการดำเนินกิจการในปี 2551 รวมทั้งสิ้นประมาณ 19,043.8 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายประมาณ 12,711.4 ล้านบาท และมูลค่าเพิ่มประมาณ 6,332.4 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนของมูลค่าเพิ่มต่อมูลค่าการก่อสร้างประมาณร้อยละ 33.3

สำหรับมูลค่าการก่อสร้างเฉลี่ยต่อสถานประกอบการมีมูลค่าประมาณ 4.0 ล้านบาท และมูลค่าการก่อสร้างเฉลี่ยต่อคนทำงานมีมูลค่า ประมาณ 548,957 บาท ด้านมูลค่าเพิ่มเฉลี่ยต่อสถานประกอบการ และเฉลี่ยต่อคนทำงาน พบว่ามีมูลค่าประมาณ 1.3 ล้านบาท และ 182,538 บาท ตามลำดับ

10. การเปรียบเทียบการดำเนินกิจการอุตสาหกรรมก่อสร้าง

เมื่อเปรียบเทียบผลจากการสำรวจอุตสาหกรรมก่อสร้าง พ.ศ. 2552 กับ 2547 เป็นข้อมูลของการดำเนินกิจการในปี 2551 เทียบกับปี 2546 พบว่า สถานประกอบการก่อสร้างมีจำนวนเพิ่มขึ้นร้อยละ 59.4 จำนวนคนทำงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.1 ในขณะที่จำนวนคนทำงานเฉลี่ยต่อสถานประกอบการลดลงจาก 9 คน เป็น 8 คน หรือลดลงร้อยละ 15.7

ในด้านการจ้างงาน พบว่า มีจำนวนลูกจ้างเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.4 ส่วนค่าตอบแทนแรงงาน พบว่า ลูกจ้างได้รับเพิ่มขึ้นร้อยละ 59.6 แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าจำนวนลูกจ้างเฉลี่ยต่อสถานประกอบการกลับลดลง คือ ลดลงจาก 8 คนต่อสถานประกอบการ เป็น 6 คน หรือลดลงร้อยละ 18.2 ซึ่งคาดว่ามาจากภาวะการขาดแคลนแรงงานสาขาการก่อสร้างของสถานประกอบการ

ในด้านการดำเนินกิจการ พบว่า มูลค่าการก่อสร้างหรือรายรับ ค่าใช้จ่ายขั้นกลาง และมูลค่าเพิ่มของอุตสาหกรรมก่อสร้างในภาคใต้ มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากปี 2547 ร้อยละ 49.6 59.5 และ 32.9 ตามลำดับ

11. สรุปและข้อเสนอแนะ

ผลจากการสำรวจอุตสาหกรรมก่อสร้าง พ.ศ. 2552 พบว่า จำนวนสถานประกอบการก่อสร้างในภาคใต้ มีทั้งสิ้น 4,716 แห่ง ส่วนใหญ่ (ร้อยละ 88.2) เป็นสถานประกอบการขนาดเล็กที่มีคนทำงาน 1 — 10 คน และอุตสาหกรรมก่อสร้างที่สำคัญ ได้แก่ กิจการเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคาร/สิ่งก่อสร้าง ในสัดส่วนสูงที่สุดประมาณร้อยละ 66.4 มีคนทำงานในสถานประกอบการทั้งสิ้นประมาณ 34,692 คน และมีการจ้างงานทั้งสิ้นประมาณ 29,510 คน โดยได้รับค่าตอบแทนเฉลี่ยต่อคนต่อปี 70,109 บาท สำหรับมูลค่าการก่อสร้างหรือรายรับ ค่าใช้จ่าย และมูลค่าเพิ่ม รวมทั้งสิ้นประมาณ 19,043.8 ล้านบาท 12,711.4 ล้านบาท และ 6,332.4 ล้านบาท ตามลำดับ

เมื่อสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับผลการดำเนินงานโดยรวมของผู้ประกอบการก่อสร้างเปรียบเทียบในปี 2551 กับปี 2550 สถานประกอบการรายงานว่าร้อยละ 48.9 มีผลการดำเนินงานลดลงจากปี 2550

สำหรับความต้องการที่ให้รัฐช่วยเหลือ ร้อยละ 59.8 รายงานว่าให้ลดต้นทุนการดำเนินงาน เช่นค่าวัสดุก่อสร้าง เครื่องจักรและเครื่องมือฯ ร้อยละ 26.3 ขจัดปัญหาทุจริตคอรัปชั่น การเรียกผลประโยชน์ใดๆ ของหน่วยงานราชการ

ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ