สศข.4 เผยผลตอบแทนการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์รุ่น 2 ดีกว่าข้าวนาปรังในเขตทุ่งกุลาร้องไห้

ข่าวทั่วไป Thursday October 20, 2011 15:13 —สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

สศข.4 แจงผลการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์รุ่น 2 ตามโครงการส่งเสริมเกษตรกรปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังการทำนาในเขตทุ่งกุลาร้องไห้ทดแทนการทำนาปรัง โดยนำร่องในอำเภอเกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด เผย เกษตรกรได้ผลตอบแทนในการลงทุนสูงกว่าเมื่อ เปรียบเทียบกับข้าวนาปรัง แนะส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในช่วงเวลาที่เหมาะสม คือ พฤศจิกายน — ธันวาคม เพื่อให้ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวมีคุณภาพดี

นายบัณฑิต มงคลวีราพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเขต 4 ขอนแก่น (สศข.4) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงความร่วมมือกับสหกรณ์การเกษตรเกษตรวิสัย จำกัด ในการจัดทำโครงการส่งเสริมเกษตรกรปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังการทำนาในเขตทุ่งกุลาร้องไห้ทดแทนการทำนาปรัง นำร่องในอำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งสอดรับกับโครงการระบบการปลูกข้าวของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย สศข.4 ได้ทำการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์รุ่น 2 เปรียบเทียบกับข้าวนาปรัง ในเขตทุ่งกุลาร้องไห้ อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด

สำหรับผลการศึกษา การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รุ่น 2 พบว่า มีผลตอบแทนในการลงทุนสูงกว่าการปลูกข้าว นาปรัง ประมาณร้อยละ 10 ของการลงทุน และจากการวิเคราะห์ทัศนคติและความคิดเห็นของเกษตรกร พบว่า การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์รุ่น 2 จะเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำและสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงน้อยกว่าการปลูกข้าวนาปรัง แต่การปลูกข้าวนาปรัง รัฐบาลให้ความช่วยเหลือด้านประกันรายได้มีการชดเชยส่วนต่างราคาประมาณไร่ละ 1,500 บาท ซึ่งจะดีกว่าการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รุ่น 2 ทั้งนี้ การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รุ่น 2 และข้าวนาปรังในปีนี้ เกษตรกรประสบปัญหาผลผลิตเสียหายอย่างมากและขายผลผลิตได้ในราคาต่ำ เนื่องจากเกษตรกรพึ่งพาแหล่งน้ำธรรมชาติ จากลำน้ำเสียวและห้วยแล้ง แต่ปริมาณน้ำในลำน้ำเสียวและห้วยแล้งมีปริมาณไม่เพียงพอ เพราะนอกจากจะใช้ในการเพาะปลูกแล้วยังต้องใช้ผลิตน้ำประปา เพื่อใช้ในเขตเทศบาลตำบลเกษตรวิสัยอีกด้วย

นายบัณฑิต กล่าวเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตาม การวางแนวทางในการจัดทำยุทธศาสตร์และมาตรการพืชหลังนาในโครงการผลิตข้าวหอมมะลิมาตรฐานเพื่อการส่งออกในเขตทุ่งกุลาร้องไห้ โดยเฉพาะพืชหลังนาที่ใช้ทดแทนการทำนาปรัง ภาครัฐโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรส่งเสริมให้เกษตรกรที่ปลูกข้าวนาปรังหันมาปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รุ่น 2 ในพื้นที่นาปรังเพิ่มมากขึ้น โดยควรมีการถ่ายทอดเทคโนโลยี และส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในช่วงเวลาที่เหมาะสมคือเดือนพฤศจิกายน — ธันวาคม จะทำให้ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวมีคุณภาพดี นอกจากนี้ ควรแนะนำและประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรตากผลผลิตให้แห้งก่อนนำไปขาย เพื่อให้ผลผลิตมีความชื้นตามที่ตลาดต้องการ จะทำให้ขายได้ราคาสูงขึ้น และที่สำคัญ คือ ต้องมีน้ำในการเพาะปลูกเพียงพอกับความต้องการของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะในช่วงออกดอก และติดฝัก นายบัณฑิต กล่าวในที่สุด

--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--

-พห-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ