หนุนเกษตรกรใช้สารอินทรีย์ สศก. ชู ลดต้นทุน เพิ่มรายได้ ประโยชน์ยั่งยืน

ข่าวเศรษฐกิจ Friday August 15, 2014 13:40 —สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ติดตามการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการใช้สารอินทรีย์ลดการใช้สารเคมีทางการเกษตร/เกษตรอินทรีย์ ในพื้นที่จังหวัด ราชบุรี นครปฐม และกาญจนบุรี เผย ช่วยพัฒนาเกษตรกรสู่การรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ได้ถึงร้อยละ 99 มั่นใจ เกษตรอินทรีย์ เป็นทางเลือกในการลดต้นทุนการผลิต เพิ่มมูลค่าสินค้าและรายได้ให้กับเกษตรกร และชูความเป็นอยู่ดีขึ้น

นายอนันต์ ลิลา เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงการติดตามการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการใช้สารอินทรีย์ลดการใช้สารเคมีทางการเกษตร/เกษตรอินทรีย์ ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ โดยกรมพัฒนาที่ดินเป็นหน่วยงานขับเคลื่อนโครงการ เพื่อปรับเปลี่ยนระบบการผลิตภาคการเกษตรจากเดิมที่พึ่งพาการใช้สารเคมีเป็นหลักมาเป็นการผลิตที่ลดการใช้สารเคมีลง แบบสร้างเครือข่ายเกษตรกรหรือกลุ่มเกษตรกรที่ใช้สารอินทรีย์และขยายผลให้เกษตรกรรายอื่น ๆ มีความรู้ความเข้าใจและเห็นความสำคัญของการผลิตโดยการใช้สารอินทรีย์ มีการปรับปรุงบำรุงดินด้วยอินทรียวัตถุตามธรรมชาติ และใช้พืชสมุนไพรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ เพื่อเพิ่มผลผลิต ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ลดความเสี่ยงด้านสุขภาพของผู้ผลิต ผู้บริโภค และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังเป็นการประหยัดเงินตราต่างประเทศจากการนำเข้าปัจจัยการผลิตจากต่างประเทศอีกด้วย

นายสุรศักดิ์ พันธ์นพ รองเลขาธิการ และโฆษก สศก.ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการติดตามโครงการในพื้นที่จังหวัด ราชบุรี นครปฐม และกาญจนบุรี เมื่อช่วงเดือนมิถุนายน ถึง กรกฎาคมที่ผ่านมา พบว่า มีการดำเนินการส่งเสริมการใช้สารอินทรีย์ลดการใช้สารเคมี โดยการพัฒนาเกษตรกร กลุ่มเดิมที่เข้มแข็ง และพัฒนาเกษตรกรสู่การรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ จำนวน 100,340 ราย คิดเป็น ร้อยละ 99 จากเป้าหมาย 100,500 ราย โดยอบรมให้ความรู้ในเรื่องการใช้ปุ๋ยตามชุดดิน การผลิตน้ำหมักชีวภาพ การสาธิตทำปุ๋ยอินทรีย์น้ำ และการผลิตในระบบเกษตรอินทรีย์ตามมาตรฐาน พร้อมอุปกรณ์ทางการเกษตร เช่น ถังหมักขนาด 120 ลิตร กากน้ำตาล และพืชสมุนไพรให้เกษตรกรที่เข้าอบรม

นอกจากนี้ ยังดำเนินการปรับปรุงบำรุงดินด้วยปุ๋ยพืชสด 613,518 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 95 จากเป้าหมาย 646,300 ไร่ จัดงานรณรงค์งดเผาฟางและตอซังพืช 6,500 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 87 จากเป้าหมาย 7,500 ไร่ ขับเคลื่อนโรงปุ๋ยอินทรีย์งบ CEO จำนวน 81 โรง คิดเป็นร้อยละ 16 จากเป้าหมาย 504 โรง และรับรองมาตรฐานปัจจัยการผลิต 1,490 ชนิด คิดเป็นร้อยละ 213 จากเป้าหมาย 700 ชนิด

ด้านการติดตามความก้าวหน้าในระดับพื้นที่ เกษตรกรที่ผ่านการอบรม และได้รับแจกวัสดุอุปกรณ์ทางการเกษตรจากกรมพัฒนาที่ดิน ยังเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญของการลดการใช้สารเคมีในการทำการเกษตร โดยการปรับเปลี่ยนวิธีการผลิตมาใช้สารอินทรีย์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงบำรุงดินด้วยปุ๋ยพืชสด มีการไถกลบตอซังข้าวแทนการเผา การทำปุ๋ยหมัก และการผลิตสารขับไล่แมลงจากพืชสมุนไพรที่มีอยู่ตามธรรมชาติเพื่อใช้ทดแทนหรือควบคู่กับสารเคมีในพื้นที่ทำการเกษตร ซึ่งเกษตรกรสามารถลดการพึ่งพาปุ๋ยเคมี และสารกำจัดศัตรูพืชลงได้ เป็นการประหยัดต้นทุนในการผลิต ทั้งยังได้ปรับปรุงบำรุงดิน ช่วยฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของดินและระบบนิเวศให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

ทั้งนี้ จากกระแสความนิยมในการบริโภคผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ ผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศได้ตระหนักถึงความปลอดภัยต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมการใช้สารอินทรีย์ทดแทนสารเคมีมากขึ้น อีกทั้งในปี 2558ไทยจะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) การเตรียมความพร้อมให้เกษตรกรสามารถแข่งขันได้จึงเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น เกษตรอินทรีย์จึงเป็นทางเลือกหนึ่งในการลดต้นทุนการผลิต เพิ่มมูลค่าสินค้าและรายได้ให้กับเกษตรกร ทำให้ความเป็นอยู่ดีขึ้น และส่งผลให้การพัฒนาภาคการเกษตรไทยมีความยั่งยืนอีกด้วย

--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ