สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์: ข้าว

ข่าวเศรษฐกิจ Monday March 11, 2024 11:11 —สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 4 - 11 มีนาคม 2567

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ

1.1 การผลิต

1) ข้าวนาปี ปี 2566/67 สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2566 มีเนื้อที่เพาะปลูก 61.928 ล้านไร่ ผลผลิต 25.569 ล้านตันข้าวเปลือก และผลผลิตต่อไร่ 413 กิโลกรัม ลดลงจากปี 2565/66 ร้อยละ 1.45 ร้อยละ 4.28 และร้อยละ 2.82 ตามลำดับ เนื้อที่เพาะปลูกลดลง เนื่องจากปรากฏการณ์เอลนีโญทำให้เกิดภาวะฝนทิ้งช่วง ขาดแคลนน้ำ ส่งผลให้เกษตรกรในบางพื้นที่ปล่อยที่นาให้ว่าง และบางพื้นที่ปลูกข้าวนาปีได้เพียงรอบเดียว สำหรับผลผลิตต่อไร่ลดลง เนื่องจากปริมาณน้ำฝนน้อย ส่งผลต่อการงอกของต้นกล้า และการสร้างรวงของต้นข้าวที่เติบโตได้ไม่เต็มที่ ประกอบกับบางพื้นที่พบโรคและแมลงศัตรูพืชระบาด เช่น โรคไหม้คอรวง เพลี้ยไฟ เป็นต้น ส่งผลให้ในภาพรวมผลผลิตทั้งประเทศลดลง

คาดการณ์ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2566 - พฤษภาคม 2567 โดยผลผลิตออกสู่ตลาดเดือนมีนาคม 2567 ปริมาณ 0.045 ล้านตันข้าวเปลือก คิดเป็นร้อยละ 0.17 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด และคาดว่าเหลือผลผลิตในเดือนเมษายน - พฤษภาคม 2567 อีก 0.070 ล้านตันข้าวเปลือก คิดเป็นร้อยละ 0.27 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด

2) ข้าวนาปรัง ปี 2567 สศก. คาดการณ์ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2566 มีเนื้อที่เพาะปลูก 9.877 ล้านไร่ ผลผลิต 6.351 ล้านตันข้าวเปลือก และผลผลิตต่อไร่ 643 กิโลกรัม ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 6.88 ร้อยละ 8.19 และร้อยละ 1.38 ตามลำดับ เนื้อที่เพาะปลูกลดลง เนื่องจากปรากฎการณ์เอลนีโญทำให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำส่วนใหญ่และปริมาณน้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติน้อยกว่าปี 2566 ส่งผลให้น้ำต้นทุนไม่เพียงพอ เกษตรกรบางพื้นที่จึงปล่อยที่นาให้ว่าง สำหรับผลผลิตต่อไร่คาดว่าลดลง เนื่องจากปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของต้นข้าว

คาดการณ์ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ - ตุลาคม 2567 โดยเดือนมีนาคม 2567 ผลผลิตออกสู่ตลาด ปริมาณ 2.037 ล้านตันข้าวเปลือก คิดเป็นร้อยละ 32.08 ของผลผลิตข้าวนาปรังทั้งหมด ทั้งนี้ ผลผลิต จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน 2567 ปริมาณรวม 4.260 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็น ร้อยละ 67.08 ของผลผลิตข้าวนาปรังทั้งหมด

1.2 การตลาด

มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2566/67 มติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ จำนวน 4 โครงการ ดังนี้

1) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2566/67 โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ เพื่อชะลอข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร เป้าหมายจำนวน 3 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อต่อตัน จำแนกเป็น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 12,000 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 10,500 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 10,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 9,000 บาท และข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ตันละ 10,000 บาท โดยเกษตรกรที่เก็บข้าวเปลือกในยุ้งฉางตนเอง จะได้รับค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกในอัตราตันละ 1,500 บาท สำหรับสถาบันเกษตรกรที่รับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้รับในอัตราตันละ 1,000 บาท และเกษตรกรผู้ขายข้าวเปลือก ได้รับในอัตราตันละ 500 บาท

2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2566/67 โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อรวบรวมข้าวเปลือกจำหน่าย และ/หรือเพื่อการแปรรูป เป้าหมาย 1 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อ 10,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.85 ต่อปี โดยสถาบันเกษตรกรรับภาระดอกเบี้ย ร้อยละ 1 ต่อปี รัฐบาลรับภาระชดเชยดอกเบี้ยให้สถาบันเกษตรกรร้อยละ 3.85 ต่อปี

3) โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2566/67 โดย ธ.ก.ส. ดำเนินการจ่ายเงินให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปีที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท

4) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2566/67 เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการรับซื้อข้าวเปลือกเพื่อเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสาร เป้าหมาย 4 ล้านตันข้าวเปลือก ระยะเวลารับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกร ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 ? 31 มีนาคท 2567 (ภาคใต้ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2567) และเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสารระยะเวลาการเก็บสต็อกอย่างน้อย 60 - 180 วัน (2 - 6 เดือน) นับแต่วันที่รับซื้อ โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 4

1.3 ราคา

1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ

ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 14,326 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 14,277 บาทในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.34

ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 11,723 บาท ราคาลดลงจากตันละ 11,806 บาทในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.71

2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ

ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 31,850 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน

ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 20,950 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 20,850 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.48

3) ราคาส่งออกเอฟโอบี

ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา

ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา

ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา

2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ

2.1 อินเดีย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสวัสดิการเกษตรกรอินเดีย คาดการณ์ผลผลิตข้าว ปีการเพาะปลูก 2566/67 (เดือนกรกฎาคม 2566 - มิถุนายน 2567) มีปริมาณ 123.80 ล้านตัน ลดลงจาก 135.75 ล้านตัน ในปีการเพาะปลูก 2565/66 หรือลดลงร้อยละ 8.80 เนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกข้าวประสบอุทกภัย และเผชิญกับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ส่งผลให้ราคาข้าวภายในประเทศปรับสูงขึ้น ดังนั้น อินเดียจึงบังคับใช้มาตรการจำกัดการส่งออกข้าวขาวที่ไม่ใช่ ข้าวบาสมาติที่ประกาศใช้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2566 ต่อไป เพื่อควบคุมราคาข้าวภายในประเทศ

อย่างไรก็ตาม มาตรการจำกัดการส่งออกข้าวของอินเดียที่ปัจจุบันยังคงบังคับใช้ต่อเนื่อง อาจส่งผลให้ราคาอาหารในตลาดโลกปรับสูงขึ้น เนื่องจากประเทศผู้ส่งออกข้าวที่สำคัญ เช่น ไทย เวียดนาม ปากีสถาน และเมียนมา ผลิตข้าวได้ปริมาณลดลงเช่นกัน

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ

2.2 ไทย

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งเป็นช่วงการเข้าร่วมประชุมติดตามผลการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลกสมัยสามัญครั้งที่ 13 (The WTO?s 13th Ministerial Conference : MC13) ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 - 29 กุมภาพันธ์ 2567 ณ กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดย นาย Abdou Karim Fofana รัฐมนตรีกระทรวงการค้าและวิสาหกิจขนาดกลางและเล็กของสาธารณรัฐเซเนกัล ได้ขอเข้าพบและหารือในระดับทวิภาคี ซึ่งรัฐมนตรีกระทรวงการค้าฯ ของเซเนกัลสนใจที่จะสั่งซื้อข้าวจากไทยในปี 2567 เนื่องจากเซเนกัลไม่สามารถเพาะปลูกข้าวให้เพียงพอต่อความต้องการบริโภคภายในประเทศ และเพื่อลดความกังวลจากปรากฏการณ์เอลนีโญ จึงมีความต้องการนำเข้าข้าวเพื่อรักษาเสถียรภาพด้านความมั่นคงทางอาหารภายในประเทศ ทั้งนี้ เซเนกัลเป็นประเทศคู่ค้าข้าวที่สำคัญของไทย

โดยในช่วงปี 2565 - 2566 เซเนกัลนำเข้าข้าวจากไทยประมาณปีละ 200,000 ตัน ซึ่งเป็นข้าวหอมมะลิไทยร้อยละ 80 ของปริมาณการนำเข้าข้าวทั้งหมด และในช่วงเดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ 2567 นำเข้าข้าวจากไทยประมาณ 60,000 ตัน

ในการนี้ รองนายกรัฐมนตรีฯ ได้มอบหมายให้กรมการค้าต่างประเทศเจรจากับเซเนกัลเพื่อให้ทราบข้อมูลทั้งปริมาณและราคาข้าวที่ต้องการให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น โดยขอให้เซเนกัลสนับสนุนนำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้น และแสดงความพร้อมที่จะเป็นแหล่งนำเข้าข้าวจากไทยด้วย ซึ่งไทยสามารถส่งมอบข้าวที่มีคุณภาพตรงตามมาตรฐานให้เซเนกัลได้ในทุกสถานการณ์

ที่มา ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ