1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 การผลิตของไทย
รายการ ปี2549/50 ปี2550/51 ปี2551/52(คาดคะเน) ผลต่างร้อยละ -1 -2 (3)=(2) - (1) ข้าวนาปี 57.542 57.386 57.839 0.79 พื้นที่เพาะปลูก (ล้านไร่) 22.84 23.308 24.045 3.16 ผลผลิต (ล้านตันข้าวเปลือก) 397 406 416 2.46 ผลผลิตต่อไร่ (กก.) 10.074 12.801 10.896 -14.88 ข้าวนาปรัง 6.802 8.791 7.518 -14.48 พื้นที่เพาะปลูก (ล้านไร่) 675 687 690 0.44 ผลผลิต (ล้านตันข้าวเปลือก) ผลผลิตต่อไร่ (กก.)ที่มา : ศูนย์สารสนเทศการเกษตร
ข้าวนาปี ปี 2551/52 สศก. ได้คาดการณ์พื้นที่ปลูกข้าวนาปี ปี 2551/52 (ณ เดือน ก.ย. 51) ว่าจะมีพื้นที่ปลูก 57.839 ล้านไร่ ได้ผลผลิต 24.045 ล้านตันข้าวเปลือก และผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ 416 กิโลกรัม ทั้งพื้นที่ ผลผลิต และผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ร้อยละ 0.79 , 3.16 และ 2.46 ตามลำดับ ทั้งนี้เนื่องจากข้าวมีราคาสูงขึ้นประกอบกับฝนมาเร็วและตกสม่ำเสมอจูงใจให้เกษตรกรขยายพื้นที่ปลูก ส่วนผล ผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นเนื่องจากปีนี้สภาพอากาศปกติน้ำฝนเอื้ออำนวยทุกภาค ประกอบกับเกษตรกรเริ่มเปลี่ยนมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์/ปุ๋ยชีวภาพทดแทนหรือใช้ร่วมกับ ปุ๋ยเคมีมากขึ้น ส่งผลให้โครงสร้างและความสมบูรณ์ของดินดีขึ้นและหากมีการบริหารจัดการน้ำได้ดี ก็คาดว่าผลผลิตข้าวจะเพิ่มขึ้น
โดยผลผลิตข้าวจะเก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่เดือน ส.ค. 51 และจะเก็บเกี่ยวมากสุดในเดือน พ.ย. — ธ.ค. 51 ร้อยละ 48.42 และ 27.34 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งหมด ดังตาราง
หน่วย : ตันข้าวเปลือก
รายเดือน ปริมาณและร้อยละการเก็บเกี่ยวข้าวนาปี ปี 2551/52 สค.51 กย. ตค. พย. ธค. มค.52 กพ. มีค. เมย. รวม รวมทั้งประเทศ 1,053,160 1,255,136 1,594,168 11,642,473 6,573,838 1,038,734 553,029 259,683 74,539 24,044,760 (ร้อยละ) 4.38 5.22 6.63 48.42 27.34 4.32 2.3 1.08 0.31 100สำหรับ ข้าวนาปรัง ปี 2552 สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (Ouolook ณ เดือน ตค.51) คาดว่าจะมีพื้นที่ปลูก 10.896 ล้านไร่ ผลผลิต 7.518 ล้านตัน และผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ 690 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับปี 2551 พื้นที่ปลูก และผลผลิต ลดลงคิดเป็นร้อยละ 14.88 และ 14.48 ตามลำดับ ทั้งนี้เนื่งจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือลดพื้นที่นอกเขตชลประทานที่ปริมาณน้ำตามธรรมชาติไม่เอื้ออำนวย และบางส่วนปรับเปลี่ยนไปปลูก ยางพาราและมันสำปะหลังแทน ส่วนภาคตะวันออกปรับเปลี่ยนไปปลูกปาล์มน้ำมัน ยางพารา และยูคาลิปตัส และภาคใต้ปรับเปลี่ยนที่นาไปปลูกยางพารา และปาล์มน้ำมัน ประกอบกับนโยบายภาครัฐที่ไม่สนับสนุนให้ปลูกข้าวนาปรังรอบ 2 เพื่อพักดิน โดยส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชไร่หรือพืชตระกูลถั่วเพื่อ บำรุงดิน ส่วนผลผลิตต่อไร่ คาดว่าเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว เนื่องจากปริมาณน้ำทั้งตามธรรมชาติ และน้ำในเขื่อนที่เพียงพอต่อการเพาะปลูก โดยเฉพาะลุ่ม เจ้าพระยาทั้งตอนบนและล่าง รวมทั้งราคาข้าวที่เกษตรกรขายได้ ยังจูงใจให้ดูแลรักษาดี แต่ภาพรวมผลผลิตข้าวนาปรังลดลง จากเนื้อที่เพาะปลูกที่ลด ลง โดยผลผลิตข้าวนาปรังคาดว่าจะเก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่เดือน ก.พ. 52
1.2 การตลาด
โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปี 2551/52
คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ หรือ กขช. ได้มีมติ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2551 เห็นชอบให้ดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือก นาปี ปี2551/2552 ตามมติ กขช. วันที่ 8 กันยายน 2551 ที่กำหนดเป้าหมายจำนำ 8 ล้านตันข้าวเปลือก โดยให้ปรับราคารับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปี 2551/2552 ใหม่ให้เหมาะสมกับตลาดเพื่อให้ธุรกิจการค้าข้าวในตลาดสามารถดำเนินการได้ เนื่องจากขณะนี้ราคาข้าวในตลาดโลกลดลงมาก โดย กำหนดราคารับจำนำข้าวเปลือก ณ ความชื้น 15% ดังนี้
- ราคารับจำ
- ข้าวเปลือกเจ้าหอมมะลิ ชนิด 42 กรัม ราคาจำนำตันละ 15,000 บาท
ชนิด 40 กรัม ราคาจำนำตันละ 14,800 บาท
ชนิด 38 กรัม ราคาจำนำตันละ 14,600 บาท
ต่ำสุดชนิด 36 กรัม ราคาจำนำตันละ 14,400 บาท
- ข้าวเปลือกเจ้า 100% (ชนิดที่เป็นข้าวสาร 100%) ราคาจำนำตันละ 12,000 บาท
- ข้าวเปลือกเจ้า 5% (ชนิดที่เป็นข้าวสาร 5%) ราคาจำนำตันละ 11,800 บาท
- ข้าวเหนียว 10% เมล็ดยาว ราคาจำนำตันละ 10,000 บาท
- ข้าวเปลือกเหนียว 10 % ชนิดคละ ราคาจำนำตันละ 9,000 บาท
- ข้าวเปลือกหอมจังหวัด ชนิด 42 กรัม ราคาจำนำตันละ 13,000 บาท
หากจำนำยุ้งฉางจะได้ราคาเพิ่มขึ้นอีกตันละ 1,000 บาท
- ระยะเวลารับจำนำ ให้เริ่มรับจำนำวันที่ 1 พฤศจิกายน — 28 กุมภาพันธ์ 2552 ยกเว้นภาคใต้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ — 28
- ระยะเวลาไถ่ถอน 4 เดือน นับถัดจากเดือนที่รับจำนำทั้งจำนำใบประทวน และจำนำยุ้งฉาง
- ผลการรับจำนำ อยู่ระหว่างดำเนินการรวบรวมข้อมูล
ภาวการณ์ซื้อขาย
ในสัปดาห์นี้ราคาขายส่งตลาดกรุงเทพฯ และราคาส่ออก เอฟ.โอ.บี. มีแนวโน้มลดลง แต่ราคาข้าวที่เกษตรกรขายได้มีแนวโน้มสูงขึ้นจาก สัปดาห์ก่อนในทุกชนิดข้าว ยกเว้น ข้าวหอมมะลิ เนื่องจากข้าวหอมมะลิออกสู่ตลาดมากกระจุกตัวและราคาจำนำข้าวหอมมะลิค่อนข้างสูงทำให้พ่อค้าทำ ตลาดยากและรับซื้อข้าวเท่าที่ต้องการส่งมอบเท่านั้นไม่ซื้อเก็บสต็อก ประกอบกับประเทศผู้ซื้อซึ่งกำลังได้รับผลกระทบจากปัญหาวิกฤติทางการเงินสหรัฐฯ ได้ชะลอการรับซื้อเพื่อรอดูข้าวราคาต่ำจากไทยและ/หรือเวียดนาม ดังนั้นพ่อค้าไทยจึงหันมาทำตลาดข้าวปทุมธานีที่ราคาถูกกว่าแทนกว่าข้าวหอมมะลิ
การส่งออก
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม — 7 พฤศจิกายน 2551 ไทยส่งออกข้าวทั้งหมด จำนวน 9.101 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจาก 7.537 ล้านตันข้าว สาร ของการส่งออกข้าวในช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 20.75 (ที่มา: กรมการค้าภายใน)
1.2 ราคา
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ราคาข้าวเปลือกเจ้าหอมมะลินาปี ที่เกษตรกรขายได้สปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 12,672 บาท ราคาลดลงจากตันละ 12,697 บาท ของสัปดาห์ ก่อนร้อยละ 0.20
ราคาข้าวเปลือกปทุมธานี ที่เกษตรกรขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 9,522 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 9,444 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อย ละ 0.83
ราคาข้าวเปลือกเจ้านาปี 5% ที่เกษตรกรขายได้สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 10,020 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 9,996 บาท ของสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 0.24
ราคาข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ที่เกษตรขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 6,485 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 5,925 บาท ของสัปดาห์ก่อน ร้อยละ 9.45
ราคาข้าวเปลือกเจ้านาปี (ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง) ความชื้น 14-15% ที่เกษตรกรขายได้สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 9,909 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 9,896 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.13
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาข้าวสารเจ้า 5% (ใหม่) ขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 17,310 บาท ราคาลดลงจากตันละ 17,530 บาท ของ สัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.25
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาข้าวหอมมะลิไทย ชั้น 2 (ใหม่) ส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 803 ดอลลาร์สหรัฐฯ (28,143 บาท/ตัน) ราคาลดลง จากตันละ 812 ดอลลาร์สหรัฐฯ (28,252 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.11 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 109 บาท
ราคาข้าวปทุมธานี ส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 714 ดอลลาร์สหรัฐฯ (25,024 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 721 ดอลลาร์สหรัฐฯ (25,058 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.98 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 61 บาท
ราคาข้าวสารเจ้า 5% (ใหม่) ส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 571 ดอลลาร์สหรัฐฯ (20,012 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตัน ละ 578 ดอลลาร์สหรัฐฯ (20,110 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.21 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 98 บาท
ราคาข้าวสารเจ้า 25% (ใหม่) ส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 461 ดอลลาร์สหรัฐฯ (16,157 บาท/ตัน) ราคาลดลงจาก ตันละ 465 ดอลลาร์สหรัฐฯ (16,179 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.86 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 22 บาท
ราคาข้าวนึ่ง 5% ส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 584 ดอลลาร์สหรัฐฯ (20,467 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 590 ดอลลาร์สหรัฐฯ (20,528 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.02 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 61 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 35.0470
2. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในต่างประเทศ
แอฟริกา : ตลาดข้าวที่สำคัญของเวียดนามหรือ?
ประเทศเวียดนามเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระหว่างประเทศผู้ส่งออกข้าวแถบลุ่มแม่น้ำโขง(เวียดนาม ลาว และกัมพูชา) และประเทศใน ทวีปแอฟริการวม 14 ประเทศในวันที่ 25 -27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมของเวียดนาม (Vietnam Chamber of Commerce and Industry : VCCI) เป็นผู้จัดการประชุมโดยอาศัยความร่วมมือร่วมกับองค์กรที่พูดภาษาฝรั่งเศสในโลก (Organization of French Speaking World :OIF) ศูนย์กลางการค้าระหว่างประเทศ (International Trade Center : ITC) ประชาคมเศรษฐกิจและการ เงินของแอฟริกากลาง (Economic and Monetary Community of Central Africa : CEMAC) ซึ่งผู้เข้าร่วมประชุมที่เป็นตัวแทนของทวีป แอฟริกาจะมาจาก ประชาคมเศรษฐกิจและการเงินของแอฟริกากลาง (CEMAC) และกลุ่มเศรษฐกิจและการเงินของแอฟริกาตะวันตก (West Africa Economic and Monetary Union : UEMOA)
โดยรองประธานสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมของเวียดนาม(VCCI) ได้ชี้แจงว่า การประชุมครั้งนี้สำคัญมากเนื่องจากแอฟริกาเป็นตลาด ข้าวที่สำคัญของเวียดนาม โดยปีที่ผ่านมาได้นำเข้าข้าวเวียดนามมากเป็นอันดับสองหรือร้อยละ 16 ของมูลค่าการส่งออกข้าวเวียดนาม แต่ผู้ส่งออกข้าว เวียดนามซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ค้าขนาดเล็กและขนาดกลางกลับประสบปัญหาหรืออุปสรรคมากมาย อาทิเช่น ค่าขนส่งที่แพง ปริมาณการสั่งซื้อที่มีจำนวน น้อย การชำระเงินที่ล่าช้า เป็นต้น เนื่องจากผู้ส่งออกดังกล่าวขาดข้อมูลด้านการตลาด ด้านผู้ซื้อ และด้านธนาคารของแอฟริกา จึงทำให้การส่งออกแต่ ละครั้งต้องดำเนินการโดยผ่านนายหน้า ซึ่งการจัดการประชุมครั้งนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งผู้ส่งออกชาวเวียดนามและผู้รับซื้อของแอฟริกาเพราะ สามารถติดต่อค้าขายกันโดยตรงไม่ต้องผ่านนายหน้าอีกต่อไป จะทำให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลงส่งผลให้ข้าวเวียดนามมีราคาที่เหมาะสมต่อผู้บริโภค และเป็นการเพิ่มกำไรแก่ผู้ส่งออกข้าวเวียดนามด้วย
นอกจากนี้ เวียดนามอาจจะมีผู้ซื้อข้าวรายใหม่อย่างประเทศกินี ซึ่งตัวแทนประเทศกินีได้เปิดเผยว่าโดยส่วนใหญ่ ประเทศกินีจะนำเข้าข้าว จากประเทศไทยและอินโดนีเซียประมาณ 70,000 ตัน คิดเป็นร้อยละ 50 ของความต้องการบริโภคภายในประเทศ แต่ในปัจจุบันประเทศกินีต้องการจะ ปรับโครงสร้างการนำเข้าข้าวใหม่ โดยมีแผนที่จะนำเข้าข้าวจากเวียดนามเนื่องจากมีราคาถูกกว่า ซึ่งการประชุมครั้งนี้เป็นประโยชน์มากต่อทั้งผู้ค้าและ ผู้รับซื้อข้าว ในการนี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนาม ได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ปีนี้ผลผลิตข้าวของเวียดนามจะประมาณ 39 ล้านตัน ทำให้สามารถส่งออกได้มากกว่า 5 ล้านตัน โดยปีนี้เวียดนามได้ส่งออกข้าวไปยัง แอฟริกาแล้วมากกว่า 1 ล้านตัน คิดเป็น 1 ใน 4 ของ ปริมาณส่งออกข้าวทั้งหมดของเวียดนาม ในปีที่ผ่านมาเวียดนามส่งออกข้าวไปยังประเทศในกลุ่ม UEMOA และกลุ่มประเทศ CEMAC คิดเป็นมูลค่า 51 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และ 26 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และในช่วงเก้าเดือนแรกของปีนี้มีมูลค่าการส่งออกเป็น 121 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และ 30 ล้านเหรียญ สหรัฐฯ ตามลำดับ
ที่มา: Viet Nam News
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ประจำวันที่ 24-30 พฤศจิกายน 2551--